ศูนย์ตรวจการนอนหลับ เช็กปัญหาการนอนหลับแบบ Full Sleep Test

ศูนย์ตรวจการนอนหลับ เอสเอ็มดีเอกซ์ คิน-ออริจิ้น

SMDX KIN-ORIGIN Sleep Center

ตรวจการนอนหลับแบบ Full Sleep Test

( Full Sleep Test ราคาปกติ 15,000 บาท เหลือเพียง 9,999 บาท )


     
การตรวจ Sleep test คือ การเฝ้าสังเกตร่างกายขณะหลับอย่างละเอียด เพื่อค้นหาความผิดปกติที่อาจซ่อนอยู่ โดยเฉพาะภาวะหยุดหายใจขณะหลับที่อาจเป็นอันตรายโดยไม่รู้ตัว แม้หลายคนอาจคิดว่าเป็นเรื่องยุ่งยาก แต่การตรวจนี้สามารถให้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับสุขภาพการนอนของคุณ ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพโดยรวม
     
การตรวจ Sleep test สลีปเทส ไม่ได้เพียงแค่ดูว่าคุณกรนหรือไม่ แต่ยังวัดค่าต่างๆ ของร่างกาย

 - คลื่นไฟฟ้าสมองและหัวใจ
จะช่วยบอกถึงความเสี่ยงต่อโรคร้ายแรงทางระบบประสาทและหัวใจ ภาวะนอนกรนและหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea) ภาวะสมองเสื่อม (Dementia) โรคพาร์กินสัน (Parkinson's Disease)
 - ระดับออกซิเจนในเลือด
ระดับออกซิเจนในเลือดที่ต่ำ สัญญาณเตือนว่าอวัยวะสำคัญของคุณกำลังขาดอากาศหายใจ เสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด ภาวะหัวใจล้มเหลว โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke)
 - ลมหายใจผ่านเข้าออกจมูกปาก การเคลื่อนไหวของทรวงอกกับท้อง
สามารถแยกการหายใจปกติจากการหยุดหายใจ ระบุชนิดของการหยุดหายใจ เป็นการหยุดหายใจแบบอุดกั้น (Obstructive) หรือ หยุดหายใจแบบส่วนกลาง (Central)
 - การทำงานของกล้ามเนื้อ
การทำงานของกล้ามเนื้อที่ผิดปกติระหว่างการนอนหลับสามารถบ่งชี้ถึงปัญหาสุขภาพหลายประการ ภาวะกล้ามเนื้อกระตุกขณะหลับ (Periodic Limb Movement Disorder - PLMD) อาการชักขณะหลับ (Nocturnal Seizures) 
     
ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้แพทย์วินิจฉัยปัญหาการนอนได้อย่างแม่นยำ และวางแผนการรักษาที่เหมาะสม ก่อนที่ปัญหาจะลุกลามจนส่งผลร้ายต่อสุขภาพในระยะยาว หากคุณสงสัยว่าตัวเองมีปัญหาการนอน การตรวจ Sleep test สลีปเทส อาจเป็นก้าวสำคัญในการดูแลสุขภาพของคุณ
     

สอบถามข้อมูล
KIN ORIGIN

 

 
     
     

อาการใดที่บอกว่าคุณจำเป็นต้องรับการตรวจการนอนหลับ (Sleep test)

 

1. เสียงกรนรบกวน : หากคุณหรือคู่นอนสังเกตว่ามีเสียงกรนดังเป็นประจำ โดยเฉพาะเสียงกรนที่หยุดเป็นจังหวะ
2. การนอนไม่สงบ : มีอาการพลิกตัวบ่อย ตื่นกลางดึกเป็นประจำ หรือสะดุ้งตื่นเพราะรู้สึกหายใจไม่สะดวก
3. พฤติกรรมผิดปกติขณะหลับ : เช่น การกัดฟัน ปัสสาวะรดที่นอน พูดละเมอ ฝันร้ายบ่อยๆ หรือกล้ามเนื้อกระตุก
4. คุณภาพการนอนต่ำ : นอนไม่หลับเรื้อรัง หรือรู้สึกว่านอนไม่เพียงพอแม้จะนอนนานพอสมควร โดยเฉพาะหากเกิดขึ้นมากกว่า 3 คืนต่อสัปดาห์
5. อาการหลังตื่นนอน : มักมีอาการปวดศีรษะ รู้สึกไม่สดชื่น หรืออ่อนเพลียทั้งที่นอนเต็มที่แล้ว
6. ง่วงนอนผิดปกติในเวลากลางวัน : รู้สึกง่วงมากระหว่างวันแม้จะนอนเพียงพอแล้ว
7. ปัญหาการหายใจ : รู้สึกหายใจลำบากหรือเหนื่อยง่ายขณะนอน หรือสงสัยว่าอาจมีภาวะหยุดหายใจชั่วคราวขณะหลับ
     
     

ศูนย์ตรวจการนอนหลับ สลีปเทส (Sleep Test)  คือ?

ศูนย์ตรวจการนอนหลับ SMDX KIN-ORIGIN Sleep Center เป็นศูนย์ตรวจการนอนหลับ (Sleep Test) ที่ทันสมัย ติดตั้งอุปกรณ์และเครื่องมือที่ใช้ในการตรวจสอบการนอนหลับ (Sleep Test) โดยผู้ป่วยจะต้องเข้ารับการตรวจในศูนย์ตรวจการนอนหลับ (Sleep Test) เพื่อติดตามอาการต่าง ๆ ของร่างกายระหว่างการนอนหลับ เช่น คลื่นสมอง การหายใจ ระดับออกซิเจนในเลือด การเคลื่อนไหวของร่างกาย และการทำงานของกล้ามเนื้อ ซึ่งกระบวนการนี้จะเรียกว่าการทำ "สลีปเทส" หรือ "Test Sleep" โดยทางศูนย์ตรวจของเรามีห้องให้บริการร่วม 8 หัองนอน และมีนักตรวจการนอนหลับ (sleep technician) เฝ้าดูตลอดทั้งคืน

 

"ศูนย์ตรวจ SMDX KIN-ORIGIN Sleep Center การตรวจการนอนหลับแบบ

Full Sleep Test ตรวจการนอนหลับแบบละเอียดที่สุดและแม่นยำที่สุดในปัจจุบัน"

 

 

Polysomnography (PSG) คืออะไร?

Polysomnography หรือ PSG เป็นการตรวจการนอนหลับแบบละเอียดที่สุดในปัจจุบัน เปรียบเสมือนการ "ส่องกล้อง" ดูทุกระบบในร่างกายของคุณขณะหลับ ตั้งแต่สมองจนถึงปลายเท้า โดยใช้เครื่องมือและเซ็นเซอร์หลากหลายชนิดที่ติดตั้งบนร่างกายของคุณ

การตรวจนี้จะทำในห้องพิเศษที่ออกแบบมาเฉพาะ มีการควบคุมแสง เสียง และอุณหภูมิ เพื่อให้ใกล้เคียงกับสภาพแวดล้อมการนอนปกติของคุณมากที่สุด

 

PSG ตรวจอะไรบ้าง?

 

  1. คลื่นสมอง (Electroencephalogram - EEG)
  • ใช้อิเล็กโทรดติดที่หนังศีรษะเพื่อวัดคลื่นไฟฟ้าสมอง
  • แสดงระยะการนอนหลับต่างๆ เช่น ระยะหลับตื้น หลับลึก และระยะฝัน (REM sleep)
  • ช่วยวินิจฉัยโรคลมหลับ (Narcolepsy) หรือภาวะนอนไม่หลับ (Insomnia)
  • การเคลื่อนไหวของตา (Electrooculogram - EOG)
    • ใช้เซ็นเซอร์ติดบริเวณรอบดวงตา
    • ตรวจจับการกลอกตาขณะหลับ โดยเฉพาะในช่วง REM sleep
    • ช่วยในการวินิจฉัยความผิดปกติของการนอนในระยะ REM
  • การหายใจ
    • ใช้เซ็นเซอร์วัดการไหลของอากาศที่จมูกและปาก
    • ใช้สายรัดรอบอกและท้องเพื่อวัดการขยายตัวของทรวงอกและช่องท้อง
    • ตรวจจับภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea) หรือการหายใจผิดปกติอื่นๆ
  • การเต้นของหัวใจ (Electrocardiogram - ECG)
    • ใช้อิเล็กโทรดติดที่หน้าอกเพื่อวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ
    • ตรวจจับความผิดปกติของจังหวะการเต้นของหัวใจขณะนอนหลับ
    • ช่วยวินิจฉัยภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะที่สัมพันธ์กับการนอนหลับ
  • การเคลื่อนไหวของขาและร่างกาย (Electromyogram - EMG)
    • ใช้เซ็นเซอร์ติดที่ขาและคาง
    • ตรวจจับการกระตุกของกล้ามเนื้อ ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงภาวะขากระตุกขณะหลับ (Periodic Limb Movement Disorder)
    • วัดระดับการผ่อนคลายของกล้ามเนื้อในแต่ละช่วงของการนอน
  • ระดับออกซิเจนในเลือด (Pulse Oximetry)
    • ใช้อุปกรณ์หนีบปลายนิ้วเพื่อวัดระดับออกซิเจนในเลือด
    • ตรวจจับการลดลงของออกซิเจนซึ่งอาจเกิดจากภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
    • ช่วยประเมินความรุนแรงของปัญหาการหายใจขณะนอนหลับ
         

    ทำไม PSG ถึงเป็นการตรวจที่ดีที่สุด?

     

    1. ครบถ้วน
    • ตรวจทุกระบบที่เกี่ยวข้องกับการนอนในคืนเดียว
    • สามารถเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างระบบต่างๆ เช่น การหยุดหายใจส่งผลต่อคลื่นสมองและการเต้นของหัวใจอย่างไร
  • แม่นยำ
    • ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยและได้มาตรฐานทางการแพทย์
    • มีผู้เชี่ยวชาญคอยสังเกตและบันทึกข้อมูลตลอดทั้งคืน
    • ลดความคลาดเคลื่อนจากการรายงานด้วยตนเองของผู้ป่วย
  • วินิจฉัยได้หลายโรค
    • ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea)
    • โรคลมหลับ (Narcolepsy)
    • ภาวะขากระตุกขณะหลับ (Periodic Limb Movement Disorder)
    • ภาวะนอนละเมอ (Parasomnia)
    • ภาวะนอนไม่หลับ (Insomnia) ที่มีสาเหตุทางกายภาพ
  • เห็นภาพรวม
    • เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างคุณภาพการนอนและอาการต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน
    • ช่วยในการวางแผนการรักษาแบบองค์รวม

     

    กระบวนการตรวจสอบการนอนหลับในศูนย์ตรวจการนอนหลับ SMDX KIN-ORIGIN Sleep Center

     

         1. การเตรียมตัวก่อนการตรวจการนอนหลับ (Sleep Test)

           ผู้ป่วยจะได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับการเตรียมตัวก่อนเข้ารับการตรวจการนอนหลับ เช่น หลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟหรือแอลกอฮอล์
           ในวันที่เข้ารับการตรวจการนอนหลับ หลีกเลี่ยงการนอนกลางวัน และนำยาที่ต้องใช้ประจำมาให้แพทย์ทราบ
           เพื่อให้การตรวจสอบการนอนหลับ (Test Sleep) ดำเนินไปอย่างราบรื่น

     

         2. การติดตั้งอุปกรณ์ตรวจสอบการนอนหลับ (Sleep Test)

           เมื่อผู้ป่วยมาถึงห้องปฏิบัติการ เจ้าหน้าที่จะทำการติดตั้งอุปกรณ์ตรวจสอบต่าง ๆ เช่น อิเล็กโทรดเพื่อบันทึกคลื่นสมองและ
           การเคลื่อนไหวของตา สายรัดเพื่อวัดการหายใจ เซ็นเซอร์เพื่อวัดระดับออกซิเจนในเลือด และอุปกรณ์อื่น ๆ
           ที่ใช้ในการตรวจสอบการนอนหลับ

     

         3. การตรวจสอบระหว่างการนอนหลับ (Sleep Test)

           ผู้ป่วยจะนอนหลับในห้องปฏิบัติการที่มีการติดตั้งอุปกรณ์ตรวจสอบ เจ้าหน้าที่จะทำการบันทึกกิจกรรมต่าง ๆ ของร่างกาย
           ตลอดคืน การทดสอบนี้เรียกว่า Polysomnography (PSG) หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า "สลีปเทส"

     

         4.การวิเคราะห์และรายงานผลการตรวจการนอนหลับ (Sleep Test)

           หลังจากการตรวจการนอนหลับเสร็จสิ้น ข้อมูลที่ได้จะถูกวิเคราะห์โดยแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนหลับเพื่อนำมาประเมิน
           และวินิจฉัยโรคหรือความผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับการนอนหลับ จากนั้นจะมีการจัดทำรายงานเพื่อแนะนำการรักษาที่เหมาะสม

       

    ประโยชน์ของการตรวจสอบการนอนหลับในห้องปฏิบัติการ (Sleep Test)

     

         - การวินิจฉัยโรคและความผิดปกติในการนอนหลับ (Sleep Test)

           ห้องปฏิบัติการการนอนหลับช่วยให้แพทย์สามารถวินิจฉัยโรคและความผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับการนอนหลับได้อย่างแม่นยำ เช่น
           การหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea), โรคลมชัก (Seizure Disorders), โรคนอนไม่หลับ (Insomnia) และโรคการ
           เคลื่อนไหวผิดปกติระหว่างการนอนหลับ (Restless Legs Syndrome)

     

         - การประเมินความรุนแรงของโรคด้วยการทำ Test Sleep

           ห้องปฏิบัติการการนอนหลับช่วยให้แพทย์สามารถประเมินความรุนแรงของโรคหรือความผิดปกติ และให้การรักษาที่เหมาะสม

     

         - การติดตามผลการรักษาผ่านการทำ สลีปเทส

           ห้องปฏิบัติการการนอนหลับสามารถใช้เพื่อติดตามผลการรักษาและประเมินว่าการรักษาที่ให้มาได้ผลหรือไม่

     

    ความสำคัญของการตรวจสอบการนอนหลับ (Sleep Test)

    การนอนหลับที่มีคุณภาพเป็นสิ่งสำคัญสำหรับสุขภาพโดยรวม การนอนหลับที่เพียงพอช่วยให้ร่างกายและจิตใจฟื้นฟู การขาดการนอนหลับหรือการนอนหลับที่ไม่เป็นปกติสามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้หลายด้าน เช่น ความจำเสื่อม ภูมิคุ้มกันต่ำ ความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดสูงขึ้น และอารมณ์แปรปรวน ดังนั้นการตรวจสอบการนอนหลับ (Sleep Test) จึงเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการวินิจฉัยและรักษาความผิดปกติในการนอนหลับ

     

       
       

    ประเภทของการทำสลีปเทส (Test Sleep)

         1. Polysomnography (PSG)

           เครื่อง PSG (Polysomnography) เป็นเครื่องมือทางการแพทย์ที่ใช้ในการตรวจสอบและวิเคราะห์การนอนหลับของบุคคล
           ซึ่งเครื่องนี้จะเก็บข้อมูลหลายประเภทในขณะที่ผู้ป่วยกำลังนอนหลับ เช่น กิจกรรมของสมอง (EEG), การเคลื่อนไหวของ
           ดวงตา (EOG), การทำงานของกล้ามเนื้อ (EMG), การหายใจ, อัตราการเต้นของหัวใจ, ระดับออกซิเจนในเลือด, การ
           เคลื่อนไหวของร่างกาย, และการทำงานของระบบหายใจ ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้แพทย์สามารถวินิจฉัยปัญหาการนอนหลับ เช่น
           ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea), การนอนกรน, โรคลมหลับ (Narcolepsy) และความผิดปกติอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
           กับการนอนหลับได้อย่างแม่นยำ

     

         2. Home Sleep Apnea Testing (HSAT) 
           Home Sleep Apnea Testing (HSAT) เป็นวิธีการตรวจวินิจฉัยภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea) ที่สามารถ
           ทำได้ที่บ้านของผู้ป่วย ซึ่งแตกต่างจากการตรวจด้วย Polysomnography (PSG) ที่ต้องทำในห้องปฏิบัติการการนอนหลับ
           HSAT เป็นวิธีที่สะดวกและประหยัดเวลามากขึ้นสำหรับผู้ที่อาจมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ

     

         3. Multiple Sleep Latency Test (MSLT)

           Multiple Sleep Latency Test (MSLT) เป็นการทดสอบที่ใช้ในการประเมินระดับความง่วงนอนในช่วงกลางวัน และ
           ความสามารถในการเข้าสู่ระยะหลับลึกของบุคคล โดยเฉพาะอย่างยิ่งใช้ในการวินิจฉัยโรคการนอนหลับ เช่น โรคลมหลับ
           (Narcolepsy) และ ภาวะง่วงนอนเกินพอดี (Idiopathic Hypersomnia)

     

    ประโยชน์ของการทำ Test Sleep (สลีปเทส)

         1. การวินิจฉัยโรค และความผิดปกติในการนอนหลับ (Sleep Test)

           การทำสลีปเทสสามารถช่วยให้แพทย์วินิจฉัยโรคและความผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับการนอนหลับ เช่น การหยุดหายใจขณะหลับ
           (Sleep Apnea), โรคลมชัก (Seizure Disorders), โรคนอนไม่หลับ (Insomnia), และโรคการเคลื่อนไหวผิดปกติระหว่าง
           การนอนหลับ (Restless Legs Syndrome)

         2. การประเมินความรุนแรงของโรคผ่านการทำ Sleep Test

           การทำสลีปเทสช่วยให้แพทย์สามารถประเมินความรุนแรงของโรคหรือความผิดปกติ และให้การรักษาที่เหมาะสม

         3. การติดตามผลการรักษาผ่านการทำ Sleep Test

           การทดสอบการนอนหลับสามารถใช้เพื่อติดตามผลการรักษาและประเมินว่าการรักษาที่ให้มาได้ผลหรือไม่

     

    ผลการทดสอบการนอนหลับ (Test Sleep) ที่ได้จากการทำสลีปเทส

    ผลการทดสอบการนอนหลับจะช่วยให้แพทย์วินิจฉัยปัญหาการนอนหลับและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม ข้อมูลที่ได้จากการทำสลีปเทสจะถูกวิเคราะห์และแปลผลเพื่อนำมาใช้ในการพิจารณาว่าควรทำการรักษาในขั้นตอนต่อไปอย่างไร

     

     

    คำแนะนำการเตรียมตัวสำหรับการทำสลีปเทส

         - เข้านอน และตื่นนอนเวลาเดิมทุกวัน

         - สร้างบรรยากาศห้องนอนที่เงียบ สลัว และเย็นสบาย

         - งดคาเฟอีน และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อนนอน

         - ออกกำลังกายเป็นประจำ แต่ไม่ควรออกกำลังกายใกล้เวลานอน

         - ผ่อนคลายก่อนนอน ด้วยการอาบน้ำอุ่น อ่านหนังสือ หรือฟังเพลงเบาๆ

     
     

    Hyperboric Oxygen Therapy (HBOT) สำหรับอาการนอนไม่หลับ

    การบำบัดด้วยออกซิเจนความดันสูง (Hyperbaric Oxygen Therapy หรือ HBOT) เป็นวิธีการรักษาที่ใช้การหายใจเอาออกซิเจนบริสุทธิ์ภายใต้ความดันสูงกว่าบรรยากาศปกติ วิธีนี้มีการนำมาใช้ในการรักษาหลายโรค รวมถึงการนอนไม่หลับด้วย HBOT ช่วยเพิ่มปริมาณออกซิเจนในเลือดและเนื้อเยื่อทั่วร่างกาย ซึ่งอาจช่วยปรับปรุงการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกายรวมถึงระบบประสาท ทำให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลายและอาจช่วยให้หลับสบายขึ้น

     

    ประโยชน์ของ HBOT ในการรักษาอาการนอนไม่หลับ

         1. การเพิ่มปริมาณออกซิเจนในร่างกาย

           HBOT ช่วยเพิ่มปริมาณออกซิเจนในเลือดและเนื้อเยื่อทั่วร่างกาย ซึ่งอาจช่วยปรับปรุงการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกายรวม
           ถึงระบบประสาท ทำให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลายและอาจช่วยให้หลับสบายขึ้น

         2. การลดการอักเสบ และบรรเทาความเครียด

           HBOT มีฤทธิ์ในการลดการอักเสบและช่วยบรรเทาความเครียด ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับ

         3. การฟื้นฟูสมอง

           มีการศึกษาแสดงว่า HBOT สามารถช่วยฟื้นฟูสมองและระบบประสาท ซึ่งอาจช่วยแก้ปัญหาการนอนไม่หลับที่เกิดจาก
           ความผิดปกติของสมองหรือระบบประสาท

         4. การปรับปรุงคุณภาพการนอน

           HBOT อาจช่วยปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับโดยรวม ทำให้การนอนหลับเป็นไปอย่างราบรื่นและลึกขึ้น ซึ่งสามารถลดอาการตื่น
           ดึกและทำให้รู้สึกสดชื่นเมื่อตื่นนอน

     
     

    ผู้ที่ควรพิจารณาใช้ HBOT สำหรับอาการนอนไม่หลับ

         - ผู้ที่มีอาการนอนไม่หลับเรื้อรังและไม่ได้ผลจากการรักษาแบบอื่น ๆ

         - ผู้ที่มีความเครียดสูงหรือมีอาการซึมเศร้าที่ส่งผลต่อการนอนหลับ

         - ผู้ที่มีปัญหาด้านการหายใจที่อาจเป็นสาเหตุของการนอนไม่หลับ

         - ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูสมองหรือระบบประสาทจากการบาดเจ็บหรือโรคต่าง ๆ

    คำแนะนำในการรับการรักษา HBOT

         1. ปรึกษาแพทย์

           ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินความเหมาะสมและความปลอดภัยของการรับการบำบัด HBOT สำหรับอาการนอน
           ไม่หลับของคุณ

         2. ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์

           ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดในการรับการบำบัด HBOT

         3. ติดตามผลการรักษา

           ควรติดตามผลการรักษาอย่างใกล้ชิดและรายงานอาการให้แพทย์ทราบเพื่อปรับแผนการรักษาตามความเหมาะสม

     

    การบำบัดด้วยออกซิเจนความดันสูง (HBOT) มีศักยภาพในการช่วยบรรเทาอาการนอนไม่หลับโดยการเพิ่มปริมาณออกซิเจนในร่างกาย ลดการอักเสบและความเครียด และปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับ อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนเริ่มการรักษาเพื่อประเมินความเหมาะสมและความปลอดภัยในแต่ละกรณี

     

    สอบถามข้อมูล
    KIN ORIGIN

     

     
    KIN Origin Healthcare Wellness Center
    ซอยแบริ่ง 10 สุขุมวิท 107
     
    เวลาทำการ  ทุกวัน 08.00 – 19.00 น.
    แผนที่
    อาคาร KIN Origin HealthCare Wellness Center
    https://goo.gl/maps/5GzBKxGgzdNVwSw29

    Rehabilitation & Homecare

    โรคพาร์กินสัน (Parkinson's disease)

    KIN Rehabilitation

    โรคพาร์กินสัน (Parkinson's disease)     สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการของโรคนี้ ? โรคที่เกิดจากความเสื่อมของเซลล์สมอง โดย... 

    อ่านต่อ...

    ห้องเดี่ยว Superior

    KIN Rehabilitation

            ห้องเดี่ยว Superior Room ห้องพักชั้น 1    สิ่งอำนวยความสะดวก  SMART TV LED 40... 

    อ่านต่อ...

    บริการของ “KIN” (คิน)

    KIN Rehabilitation

    บริการของเรา (Programs)     “KIN” (คิน) คือ ศูนย์ดูแลด้านสุขภาพเพื่อการฟื้นฟูร่างกายอย่างครบวงจร ประกอ... 

    อ่านต่อ...

    Sharing Room (ห้องรวม 6 เตียง)

    KIN Rehabilitation

    Sharing Room (ห้องรวม 6 เตียง)           ห้องรวม 6 เตียง ห้องพัก ช้้น 2 พื้นที่ขนาด 50 ตารางเม... 

    อ่านต่อ...

    เครื่องบริหารกล้ามเนื้อไหล่หน้าอก และปีกหลัง (Pec Deck)

    KIN Rehabilitation

      เครื่องบริหารกล้ามเนื้อไหล่ หน้าอก และปีกหลัง (Pec Deck) เครื่องบริหารกล้ามเนื้อไหล่ หน้าอกและปีกหลัง เป็นการฝึกกล้าม... 

    อ่านต่อ...

    สถานที่ห้องพัก (Premium Room)

    KIN Rehabilitation

    สถานที่ห้องพัก (Premium Room)    “KIN” (คิน) เป็นศูนย์ฟื้นฟูผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองและดูแลผู้สูงอายุ ภ... 

    อ่านต่อ...

    เทคโนโลยีและนวัตกรรมสุขภาพ (Technology and innovation for health)

    KIN Rehabilitation

    เทคโนโลยีและนวัตกรรมสุขภาพ (Technology and innovation for health)       KIN – Rehabilitation & Home... 

    อ่านต่อ...

    ข่าวสาร บทความ บทสัมภาษณ์ Promotion

    KIN Rehabilitation

     

    อ่านต่อ...

    เกี่ยวกับเรา

    KIN Rehabilitation

    เกี่ยวกับเรา (About Us)                         “KIN&... 

    อ่านต่อ...

    อาคารศูนย์ฟื้นฟู (Rehabilitation Building)

    KIN Rehabilitation

    อาคารศูนย์ฟื้นฟู Rehabilitation Building เป็นตึกสูง 6 ชั้น โดยในส่วนของห้องพักจะอยู่ในชั้น 3-6 ของอาคาร โดยมีห้องพัก 3 ประเภ... 

    อ่านต่อ...

    ห้องเดี่ยว VIP

    KIN Rehabilitation

    ค่าบริการห้องพักห้อง เดี่ยว VIP (VIP Single Room)       สอบถามข้อมูล และจองคิวกายภาพบำบัด    ... 

    อ่านต่อ...

    โรคกระดูกสันหลังคด ในเด็กและในผู้ใหญ่ (Scoliosis)

    KIN Rehabilitation

    โรคกระดูกสันหลังคด ในเด็กและในผู้ใหญ่ (Scoliosis)      สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการของโรคนี้ 20% เกิดจากตัวโรคที่ม... 

    อ่านต่อ...
    KIN Rehab