ติดหวาน (Sugar Blues) เสี่ยง 8 โรค !
ปัจจุบันการรับประทานของหวาน ๆ มากเกินไปกลายเป็นปัญหาทางสุขภาพที่ลุกลามเป็นวงกว้างมากขึ้น สังเกตได้จาก อาหารสำเร็จรูปและเครื่องดื่มหลายชนิดที่มีการเติมน้ำตาลลงไปในปริมาณมาก เช่น ชานมไข่มุก เค้ก ขนมไทยทองหยิบ ทองหยอด เป็นต้น ซึ่งปริมาณน้ำตาลที่มากเกินไปในอาหารและเครื่องดื่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ทำให้เกิดโรคเรื้อรังต่างๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็นโรคเบาหวาน และโรคหัวใจ
โรคติดหวาน หรือภาวะเสพติดน้ำตาล (Sugar Blues) คือ เมื่อเราได้ทานอาหารที่มีส่วนผสมของน้ำตาล ก็จะทำให้เกิดความพึงพอใจในรสชาติ ส่งผลให้สมองจดจำไว้ว่า ถ้าหากต้องการความพึงพอใจแบบนี้ ควรมีการดื่มหรือทานซ้ำอีกครั้ง การที่เราโหยหา อยากกินอะไรหวานๆอยู่ตลอด หากไม่ได้รับประทานจะเกิดความรู้สึกหงุดหงิด อารมณ์แปรปรวน ขาดสมาธิและมีความโหยหาของที่มีรสชาติหวาน วันนี้ Kin จึงมาแนะนำวิธีสังเกตอาการติดหวานมีดังนี้
6 อาการติดหวาน (Sugar Blues)
- อยากกินแต่ขนมหวาน ผลไม้รสหวาน
- ไม่ได้กินของหวานแล้วรู้สึกไม่ดี เหนื่อย หงุดหงิด
- หิวบ่อย หรือมักนึกถึงอาหารอยู่เสมอ
- หลังอาหารทุกมื้อต้องตามด้วยของหวาน
- เติมน้ำตาลในอาหารคาวเกือบทุกจาน
- ดื่มน้ำอัดลม น้ำหวาน มากกว่า 1 แก้วต่อวัน
ติดหวาน (Sugar Blues) เสี่ยงเป็นโรคอะไรบ้าง ?
- โรคอ้วน
- โรคหัวใจ และหลอดเลือด
- โรคเบาหวาน
- โรคความดันโลหิตสูง
- โรคไขมันพอกตับ
- โรคกระดูกพรุน
- โรคมะเร็ง
- ฟันผุ
แก้พฤติกรรม ติดหวาน (Sugar Blues) ได้อย่างไร ?
- สังเกตปริมาณน้ำตาล และวัตถุดิบบนฉลากผลิตภัณฑ์ ทุกครั้งก่อนรับประทาน
- ไม่ปรุงนํ้าตาลในอาหารเพิ่มเติม
- หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำหวาน และน้ำอัดลม
- ดื่มน้ำเปล่า หรือเครื่องดื่มที่ไม่ผสมน้ำตาล
- รับประทานผลไม้หวานน้อย เช่น ชมพู่ แตงโม ฝรั่ง
- หลีกเลี่ยงการบริโภคผลไม้แปรรูป เช่น กล้วยตาก มะม่วงแช่บ๊วย
- เพิ่มปริมาณผักใบเขียวในอาหาร เพราะมีส่วนช่วยชะลอการดูดซึมนํ้าตาล ส่งผลให้การควบคุมน้ำตาลในเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ไม่ซื้อขนมตุนไว้ในตู้เย็น
- ไม่อดอาหาร รับประทานอย่างตรงต่อเวลา และถูกหลักโภชนาการ
ของหวานแม้จะอร่อย แต่หากกินมากไปก็อันตรายต่อร่างกาย หากเรากินแป้งหรือน้ำตาลมากเกินไป อาจเสี่ยง โรคเบาหวาน โรคอ้วน โรคหัวใจ ถ้าปล่อยจนเรื้อรังอาจเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น เบาหวานขึ้นตา ไตวาย ได้
สำหรับใครที่ชอบกินหวานมากๆ อาจไม่จำเป็นต้องหักดิบเลิกของหวานทันที ควรค่อย ๆ ลดปริมาณลงวันละนิด จนกว่าร่างกายจะปรับตัวกับความหวานที่น้อยลง เพื่อสุขภาพที่ดี
ขอขอบคุณข้อมูล : รพ.ศิครินทร์ ,รพ.เพชรเวช
หากต้องการหาศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ สนใจสอบถาม สามารถติดต่อ KIN Nursing Home ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุของเราได้ตามช่องทางด้านล่าง
KIN - Rehabilitation & Homecare
สาขา ลาดพร้าว 71
เลขที่ 6 ซอยนาคนิวาส 18 (ลาดพร้าว 71)
เวลาทำการ ทุกวัน 09.00 – 18.00 น.
: KIN - Rehabilitation & Homecare
แผนที่ : https://bit.ly/2VvPDq6
KIN Origin Healthcare Wellness Center
สาขา สุขุมวิท 107
596 หมู่ 7 ซอยแบริ่ง 10 ถนนแบริ่ง 107
สำโรงเหนือ เมืองสมุทรปราการ
เวลาทำการ ทุกวัน 09.00 – 18.00 น.
: Kin Origin Sukhumvit 107
แผนที่ : https://shorturl.asia/KxzBk