ปวดหลังหลังตื่นนอน แก้ยังไงดี?
อาการปวดหลังหลังตื่นนอนเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในคนทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะผู้ที่ทำงานนั่งโต๊ะนานๆ หรือมีพฤติกรรมการนอนที่ไม่ถูกต้อง หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ตื่นเช้ามาพร้อมกับอาการปวดหลัง ไม่ว่าจะเป็นบริเวณหลังส่วนล่าง กลางหลัง หรือแม้แต่ช่วงคอ บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจสาเหตุ วิธีป้องกัน และแนวทางแก้ไขจากมุมมองนักกายภาพบำบัดแบบครบถ้วน
สาเหตุของอาการตื่นนอนแล้วปวดหลัง
อาการนี้อาจเกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น 4 กลุ่มหลัก
1. ท่านอนที่ไม่เหมาะสม
ท่านอนส่งผลโดยตรงต่อแนวกระดูกสันหลัง หากเรานอนในท่าที่ทำให้หลังแอ่นหรืองอมากเกินไป กล้ามเนื้อและหมอนรองกระดูกจะเกิดความเครียดสะสมขณะนอน ส่งผลให้เกิดอาการปวดเมื่อยเมื่อตื่นขึ้นมา
2. ที่นอนและหมอนไม่รองรับสรีระ
การนอนบนที่นอนที่นิ่มหรือแข็งเกินไปจะทำให้แนวกระดูกสันหลังผิดรูป หมอนที่สูงหรือต่ำเกินไปจะเพิ่มแรงกดบริเวณคอและบ่า ส่งผลให้หลังตึงและปวดเมื่อยตามมา
3. พฤติกรรมระหว่างวัน
หลายคนไม่รู้ตัวว่า "ความตึงของกล้ามเนื้อ" เกิดสะสมจากกิจวัตรประจำวัน เช่น การนั่งนานโดยไม่เปลี่ยนอิริยาบถ การยกของผิดท่า หรือแม้แต่การขาดการออกกำลังกาย
4. ปัญหาทางสุขภาพ
เช่น ภาวะหมอนรองกระดูกเสื่อม กล้ามเนื้ออักเสบ กระดูกคด หรือโรคข้ออักเสบเรื้อรัง ซึ่งหากมีอาการร่วม เช่น ชา อ่อนแรง หรือปวดร้าวลงขา ควรรีบพบแพทย์
วิธีแก้อาการตื่นนอนแล้วปวดหลัง
แนวทางแก้ไขที่มีประสิทธิภาพควรเริ่มจากการปรับพฤติกรรมพื้นฐานและเสริมด้วยการดูแลร่างกายตามหลักกายภาพบำบัด ดังนี้
1. ปรับท่านอนให้เหมาะสม
- นอนตะแคง: ให้งอเข่าเล็กน้อย และใช้หมอนหนุนระหว่างเข่า เพื่อให้กระดูกสันหลังอยู่ในแนวตรง
- หลีกเลี่ยงท่านอนคว่ำ: เพราะจะทำให้หลังแอ่นและเกิดแรงกดที่กระดูกสันหลังมากขึ้น
- ที่นอนควรมีความแน่นพอเหมาะ รองรับหลังได้ดี ไม่ยุบตัวง่าย
- หมอนควรพอดีกับระดับคอ ไม่ควรสูงหรือต่ำเกินไป
คำแนะนำจากนักกายภาพบำบัด: ให้คุณลองนอนหงายบนพื้นเรียบ ถ้าไม่มีอาการปวด ให้เลือกที่นอนที่แน่นขึ้น แต่ถ้านอนพื้นแล้วยังเจ็บ อาจมีปัญหาที่กล้ามเนื้อหรือหมอนรองกระดูกแล้ว ควรพบแพทย์
3. ยืดเหยียดกล้ามเนื้อหลังตื่นนอน
ก่อนลุกจากเตียง ควรทำการยืดเหยียดง่ายๆ เพื่อให้กล้ามเนื้อหลังปรับตัวและพร้อมใช้งาน เช่น:
- เหยียดแขนเหนือศีรษะพร้อมหายใจเข้า
- งอเข่าทั้งสองข้างเข้าหาอก ค้างไว้ 5-10 วินาที ทำซ้ำ 3-5 ครั้ง
- พลิกตัวตะแคง ลุกขึ้นนั่งช้าๆ โดยใช้มือยันพื้น ไม่เกร็งกล้ามเนื้อหลังทันที
- ลุกขยับตัวทุก 30-60 นาที หากทำงานหน้าคอมพิวเตอร์
- ปรับเก้าอี้ให้รองรับส่วนหลัง และวางเท้าให้เต็มพื้น
- หลีกเลี่ยงการยกของหนักผิดท่า ควรย่อเข่าและใช้แรงจากขาแทนหลัง
5. การออกกำลังกายเพื่อหลังที่แข็งแรง
- โยคะ: เน้นการยืดตัวและหายใจถูกวิธี
- ว่ายน้ำ: ลดแรงกระแทกบนข้อต่อ และบริหารกล้ามเนื้อได้ทั่วร่างกาย
- เดินเร็ว: กระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว
ของใช้ เช่น หมอนเสริม ตุ๊กตา หรือแม้แต่ผ้านวมหนา อาจก่อให้เกิดแรงกดที่ไม่พึงประสงค์ขณะนอน ทำให้แนวกระดูกสันหลังเปลี่ยนและเกิดอาการปวดหลังได้
ท่าบริหารแนะนำจากนักกายภาพบำบัด
- ท่า Cat-Cow Stretch: ช่วยยืดกล้ามเนื้อหลังและเพิ่มความยืดหยุ่นกระดูกสันหลัง
- ท่า Child’s Pose: ผ่อนคลายกล้ามเนื้อหลังส่วนล่าง
- Bridge Exercise: เสริมสร้างกล้ามเนื้อหลังและสะโพก
ควรไปพบแพทย์เมื่อใด?
หากคุณมีอาการดังนี้ ควรรีบไปพบแพทย์หรือนักกายภาพบำบัด:
- อาการปวดหลังไม่หายภายใน 2-3 สัปดาห์
- มีอาการปวดร้าวลงขา ชา หรืออ่อนแรง
- ปวดหลังรุนแรงขณะนอนหรือตอนกลางคืน
- ประวัติอุบัติเหตุ หรืออาการรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
ดูแลหลังตั้งแต่ก่อนนอนจนถึงตื่นนอน
การปวดหลังหลังตื่นนอนอาจดูเล็กน้อยในตอนแรก แต่หากละเลยอาจลุกลามเป็นอาการเรื้อรังได้ การปรับพฤติกรรมพื้นฐาน เช่น ท่านอน การเลือกที่นอน การยืดกล้ามเนื้อ และการออกกำลังกายสม่ำเสมอ เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยที่สุดในระยะยาว
จำไว้ว่า "การนอน" ไม่ใช่แค่พักผ่อน แต่เป็นช่วงเวลาที่ร่างกายซ่อมแซมตัวเอง หากเราเลือกนอนให้ถูกวิธี ร่างกายจะขอบคุณคุณในทุกเช้าที่ตื่นขึ้นโดยไม่มีอาการปวดหลังอีกต่อไป
หากคุณต้องการปรึกษา หรือรักษาอาการปวดหลัง แนะนำให้ปรึกษานักกายภาพบำบัดเพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายของคุณที่สุด หรือติดต่อเราได้ที่ช่องทางด้านล่าง