ภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ ภัยเงียบที่ไม่ควรมองข้าม
การนอนหลับเป็นส่วนสำคัญของชีวิตที่ช่วยให้ร่างกายได้พักผ่อนและซ่อมแซมตัวเอง แต่สำหรับบางคน การนอนหลับอาจไม่ได้ให้ความสดชื่นอย่างที่ควรจะเป็น อาการง่วงนอนตอนกลางวัน ปวดศีรษะหลังตื่นนอน หรือแม้แต่ตื่นขึ้นมากลางดึกโดยไม่ทราบสาเหตุ อาจเป็นสัญญาณของ “ภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ” (Obstructive Sleep Apnea: OSA)
ภาวะนี้เป็นปัญหาสุขภาพที่เกิดจากการอุดกั้นทางเดินหายใจ ทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ ส่งผลต่อคุณภาพการนอนและอาจนำไปสู่โรคร้ายแรง เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมอง
ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักกับภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับอย่างละเอียด ตั้งแต่สาเหตุ อาการ การวินิจฉัย และแนวทางการรักษา เพื่อช่วยให้คุณหรือคนใกล้ตัวสามารถป้องกันและรับมือกับภาวะนี้ได้อย่างเหมาะสม
ภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับคืออะไร?
ภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ เป็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นเมื่อทางเดินหายใจส่วนบนถูกปิดกั้นบางส่วนหรือทั้งหมดเป็นระยะเวลาสั้น ๆ ระหว่างการนอนหลับ ส่งผลให้เกิดการหยุดหายใจชั่วคราวหลายครั้งตลอดคืน
กลไกการเกิดภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ
- ในช่วงที่เรานอนหลับ กล้ามเนื้อบริเวณคอและลำคอจะคลายตัว
- เมื่อกล้ามเนื้อเหล่านี้หย่อนลง อาจทำให้ทางเดินหายใจตีบแคบลง
- หากตีบแคบมากจนลมหายใจผ่านได้น้อยหรือไม่ผ่านเลย สมองจะสั่งให้ร่างกายตื่นขึ้นกะทันหันเพื่อกลับมาหายใจใหม่
- วงจรนี้อาจเกิดขึ้นซ้ำหลายครั้งในคืนเดียว ทำให้การนอนหลับถูกขัดจังหวะ
ผลที่ตามมาคือ ร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ ซึ่งอาจส่งผลต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด ทำให้เกิดภาวะเรื้อรังและความเสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายแรง
.png)
อาการของภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ
อาการในตอนกลางคืน
- กรนเสียงดังผิดปกติ
- มีคนสังเกตเห็นว่าคุณหยุดหายใจเป็นช่วง ๆ ระหว่างนอน
- นอนกระสับกระส่าย ตื่นบ่อยตอนกลางคืน
- เหงื่อออกมากตอนกลางคืน
- ตื่นนอนแล้วรู้สึกหายใจไม่อิ่ม หรือมีอาการสำลัก
- ปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืน
อาการในตอนกลางวัน
- ตื่นนอนตอนเช้ารู้สึกปวดศีรษะ
- คอแห้ง ปากแห้ง
- ง่วงนอนมากผิดปกติระหว่างวัน
- สมาธิสั้น ความจำลดลง
- อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย
- รู้สึกอ่อนเพลียตลอดทั้งวัน
อาการเหล่านี้อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานและคุณภาพชีวิตโดยรวม หากไม่ได้รับการรักษา อาจเพิ่มความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุจากการขับขี่หรือทำงานกับเครื่องจักรกลหนัก
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง
1. โครงสร้างทางเดินหายใจ
- ผู้ที่มีทางเดินหายใจแคบผิดปกติ เช่น ลิ้นไก่ยาว ต่อมทอนซิลโต
- คนที่มีกรามเล็ก หรือขากรรไกรล่างสั้น
2. น้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน (โรคอ้วน)
- ไขมันสะสมรอบลำคอทำให้ทางเดินหายใจตีบแคบ
- โรคอ้วนสัมพันธ์กับภาวะดื้อต่ออินซูลิน ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงของ OSA
3. อายุและเพศ
- พบในเพศชายมากกว่าเพศหญิงประมาณ 2 เท่า
- มักเริ่มแสดงอาการเมื่ออายุมากกว่า 40 ปี
4. พฤติกรรมเสี่ยง
- สูบบุหรี่ และดื่มแอลกอฮอล์ก่อนนอน
- ใช้ยาระงับประสาทหรือยานอนหลับ
- นอนหงาย ทำให้แรงโน้มถ่วงดึงเนื้อเยื่ออ่อนในลำคอลงมาปิดกั้นทางเดินหายใจ
การวินิจฉัยภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ
หากคุณสงสัยว่าตัวเองมีภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ ควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย ซึ่งมักทำโดย
- การซักประวัติและตรวจร่างกาย
- การตรวจการนอนหลับ (Polysomnography: PSG) เป็นการตรวจโดยใช้เครื่องมือติดตามคลื่นสมอง การเคลื่อนไหวของดวงตา อัตราการเต้นของหัวใจ ระดับออกซิเจนในเลือด และรูปแบบการหายใจระหว่างนอนหลับ
.png)
วิธีการรักษา
1. ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต
- ลดน้ำหนัก หากมีภาวะอ้วน
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ ยาระงับประสาท และยานอนหลับ
- ปรับท่านอน เช่น นอนตะแคงแทนการนอนหงาย
2. การใช้เครื่องช่วยหายใจแรงดันบวก (CPAP: Continuous Positive Airway Pressure)
เป็นเครื่องที่ช่วยส่งลมผ่านหน้ากากเพื่อเปิดทางเดินหายใจ ลดการอุดกั้น และช่วยให้หายใจสะดวกขึ้น
3. การผ่าตัด
กรณีที่มีโครงสร้างทางเดินหายใจผิดปกติ อาจต้องพิจารณาผ่าตัด เช่น
- การผ่าตัดลดขนาดต่อมทอนซิล
- การผ่าตัดตกแต่งลิ้นไก่และเพดานอ่อน
ภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับเป็นปัญหาสุขภาพที่ควรได้รับการดูแลอย่างจริงจัง เพราะหากปล่อยไว้ อาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคร้ายแรง หากคุณหรือคนใกล้ตัวมีอาการที่เข้าข่าย ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาโดยเร็ว
การปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตสามารถช่วยลดความเสี่ยงได้ แต่สำหรับผู้ที่มีอาการรุนแรง อาจต้องใช้เครื่องช่วยหายใจหรือการผ่าตัด ทั้งนี้ การดูแลตัวเองและตระหนักถึงความสำคัญของการนอนหลับที่มีคุณภาพคือกุญแจสำคัญในการป้องกันภาวะนี้
.jpg)