อายุ 30 ก็เสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองได้! รู้ทันก่อนสายเกินไป

อายุ 30 ก็เสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองได้! รู้ทันก่อนสายเกินไป

โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) เป็นภาวะที่เกิดจากการขาดเลือดไปเลี้ยงสมอง ซึ่งส่งผลให้สมองเกิดความเสียหาย การเกิดโรคหลอดเลือดสมองมักจะเกิดขึ้นในผู้สูงอายุ แต่ในปัจจุบันโรคนี้เริ่มเกิดในกลุ่มคนวัยทำงานที่อายุเพียง 30 ปีได้เช่นกัน โรคหลอดเลือดสมองที่เกิดในผู้ที่มีอายุน้อยกว่าอาจไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง เนื่องจากหลายคนคิดว่าเป็นโรคที่เกิดกับผู้สูงอายุเท่านั้น แต่ความจริงคือความเสี่ยงของโรคนี้ไม่ได้จำกัดเฉพาะผู้สูงอายุเท่านั้น ดังนั้น การรู้จักและเข้าใจโรคหลอดเลือดสมอง รวมถึงการป้องกันและฟื้นฟูให้เร็วที่สุด ถือเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อให้สามารถหลีกเลี่ยงการเกิดโรคและช่วยให้มีโอกาสฟื้นตัวได้เร็วขึ้น หากเกิดการเจ็บป่วยขึ้น

ความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมองในผู้ที่มีอายุ 30 ปี รวมถึงเคล็ดลับการป้องกัน การตรวจสอบอาการเบื้องต้น และการฟื้นฟูโดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สามารถช่วยให้ฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็วที่ศูนย์ฟื้นฟูสมองอย่าง KIN Rehab และ KIN Origin


ทำไมอายุ 30 ก็เสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองได้?

แม้ว่าโรคหลอดเลือดสมองจะเป็นโรคที่มักพบในผู้สูงอายุ แต่งานวิจัยหลายชิ้นได้แสดงให้เห็นว่า โรคนี้เริ่มมีความเสี่ยงในกลุ่มคนอายุน้อยลงได้โดยเฉพาะกลุ่มที่มีปัจจัยเสี่ยงหลายประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคนที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป

1. ปัจจัยเสี่ยงในกลุ่มคนวัยทำงาน

แม้ว่าคนที่มีอายุต่ำกว่า 50 ปีจะมีอัตราการเกิดโรคหลอดเลือดสมองต่ำกว่าผู้สูงอายุ แต่การศึกษาที่ตีพิมพ์ใน Journal of the American College of Cardiology พบว่า 1 ใน 4 ของผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 45 ปีสามารถประสบกับโรคหลอดเลือดสมองได้ หากมีปัจจัยเสี่ยง เช่น:

  • ความดันโลหิตสูง (Hypertension): การมีความดันโลหิตสูงเป็นหนึ่งในปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมอง
  • เบาหวาน (Diabetes): ผู้ที่เป็นเบาหวานมีความเสี่ยงสูงในการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง เนื่องจากมีปัญหาในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
  • ไขมันในเลือดสูง (High cholesterol): ไขมันในเลือดสูงสามารถทำให้เกิดการอุดตันในหลอดเลือด ซึ่งทำให้เกิดโรคหลอดเลือดสมองได้
  • การสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์: การสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์สามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง

2. ความเครียดและการทำงานที่ต้องใช้ความเครียดสูง

การทำงานที่มีความเครียดสูงและไม่มีการพักผ่อนที่เพียงพอ สามารถทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนที่ทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น การมีความเครียดสูงเป็นเวลานานยังอาจทำให้การทำงานของหัวใจและหลอดเลือดเกิดความเสี่ยงและนำไปสู่โรคหลอดเลือดสมองได้

3. การเคลื่อนไหวร่างกายที่ไม่เพียงพอ

คนที่ไม่ได้ออกกำลังกายหรือมีวิถีชีวิตที่ขาดการเคลื่อนไหวทางกาย สามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดสมองได้ เนื่องจากการเคลื่อนไหวร่างกายมีบทบาทสำคัญในการควบคุมปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ เช่น ความดันโลหิตสูงและไขมันในเลือด




อาการเบื้องต้นที่ควรรู้ เพื่อป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง

การรับรู้และสังเกตอาการเบื้องต้นของโรคหลอดเลือดสมองเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากหากสามารถรับมือได้ทันที จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดความเสียหายที่รุนแรงในสมอง

1. อาการอ่อนแรงหรือชาหรืออัมพาตที่ใบหน้า แขน หรือขา

หนึ่งในอาการที่พบบ่อยในผู้ป่วยที่มีโรคหลอดเลือดสมองคือการอ่อนแรงหรือชาที่แขน ขา หรือใบหน้า โดยเฉพาะที่ข้างหนึ่งของร่างกาย หากมีอาการดังกล่าวให้รีบไปพบแพทย์ทันที

2. การพูดลำบากหรือไม่สามารถเข้าใจสิ่งที่คนอื่นพูด

หากเริ่มพูดไม่ชัด หรือไม่สามารถเข้าใจสิ่งที่คนอื่นพูดได้ นี่อาจเป็นสัญญาณของโรคหลอดเลือดสมอง

3. การมองเห็นไม่ชัดเจน

ผู้ป่วยอาจมีอาการมองเห็นไม่ชัดหรือเห็นภาพซ้อนในตาข้างหนึ่งหรือตาทั้งสองข้าง

4. การเดินลำบากหรือการทรงตัวไม่ดี

อาการเวียนหัวหรือการเดินไม่สะดวกสามารถเป็นสัญญาณของโรคหลอดเลือดสมอง

หากพบอาการเหล่านี้ควรขอความช่วยเหลือจากแพทย์ทันที เพราะการรักษาในช่วงเวลาที่รวดเร็วจะช่วยลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนในอนาคต




การฟื้นฟูหลังจากโรคหลอดเลือดสมอง

การฟื้นฟูผู้ป่วยหลังจากเกิดโรคหลอดเลือดสมองเป็นกระบวนการที่มีความสำคัญมาก โดยเฉพาะเมื่อเกิดในกลุ่มอายุ 30 ปี ซึ่งการเริ่มฟื้นฟูเร็วสามารถช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้มากขึ้น

1. การบำบัดทางกายภาพ (Physical Therapy)

การบำบัดทางกายภาพเป็นสิ่งสำคัญในการฟื้นฟูสมองหลังจากโรคหลอดเลือดสมอง ผู้ป่วยจะได้รับการฝึกฝนการเคลื่อนไหว การทรงตัว และการฟื้นฟูกล้ามเนื้อที่อ่อนแรง

2. การใช้เทคโนโลยีในการฟื้นฟู

KIN Rehab และ KIN Origin มีการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในการฟื้นฟูสมอง เช่น

  • Aquatic Treadmill
    การใช้ Aquatic Treadmill หรือการใช้ลู่วิ่งในน้ำ เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์อย่างมากในการฟื้นฟูสมองหลังจากโรคหลอดเลือดสมอง น้ำช่วยลดแรงกระแทกในขณะฝึกซ้อม ทำให้ผู้ป่วยสามารถฝึกการเดินและการเคลื่อนไหวได้โดยไม่เสี่ยงต่อการบาดเจ็บ และยังช่วยกระตุ้นกล้ามเนื้อและระบบประสาทที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหว

  • Transcranial Magnetic Stimulation (TMS)
    Transcranial Magnetic Stimulation (TMS) เป็นเทคโนโลยีที่ใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ากระตุ้นสมองเพื่อเพิ่มการทำงานของเซลล์สมองที่ถูกทำลายจากโรคหลอดเลือดสมอง โดยใช้คลื่นแม่เหล็กเพื่อกระตุ้นการทำงานของเซลล์ประสาทที่มีการเชื่อมโยงระหว่างการเคลื่อนไหวและการรับรู้ ผลการวิจัยจาก Journal of Clinical Neuroscience พบว่า TMS สามารถช่วยเพิ่มความสามารถในการฟื้นฟูด้านการเคลื่อนไหวของผู้ป่วยสโตรกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

TMS เป็นเครื่องมือที่มีการใช้กันอย่างแพร่หลายในศูนย์ฟื้นฟูสมองหลายแห่ง เนื่องจากสามารถกระตุ้นสมองเพื่อให้เซลล์สมองทำงานได้ดีขึ้น ซึ่งช่วยลดอาการพิการที่เกิดจากโรคหลอดเลือดสมองและเสริมการฟื้นฟูให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

  • Peripheral Magnetic Stimulation (PMS)
    Peripheral Magnetic Stimulation (PMS) เป็นเทคโนโลยีที่ใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในการกระตุ้นกล้ามเนื้อและเส้นประสาทที่อยู่ใกล้ผิวหนัง เพื่อกระตุ้นการฟื้นฟูการเคลื่อนไหวและลดการอักเสบจากโรคหลอดเลือดสมอง PMS มีการใช้ในหลายๆ ศูนย์ฟื้นฟูทั่วโลก โดยงานวิจัยที่ตีพิมพ์ใน Stroke พบว่า PMS ช่วยลดอาการอัมพฤกษ์จากโรคหลอดเลือดสมอง และช่วยให้ผู้ป่วยมีการฟื้นตัวที่ดีขึ้น
  • การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีร่วมกัน
    การใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีต่าง ๆ ร่วมกันจะเพิ่มประสิทธิภาพในการฟื้นฟูได้ดีขึ้น ตัวอย่างเช่น การใช้ TMS และ PMS ร่วมกับการทำกายภาพบำบัด จะช่วยกระตุ้นการทำงานของสมองและกล้ามเนื้อได้มากขึ้น และสามารถฟื้นฟูสมองได้รวดเร็วขึ้น การประยุกต์ใช้เครื่องมือเหล่านี้ในศูนย์ฟื้นฟูสมองเช่น KIN Rehab และ KIN Origin จะช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นฟูได้เต็มศักยภาพ


3. การฟื้นฟูทางจิตใจ (Cognitive Rehabilitation)

การฟื้นฟูทางจิตใจช่วยให้ผู้ป่วยสามารถกลับมาทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ตามปกติ เช่น การพูด การจำ และการคิดอย่างมีระบบ โดยมีการใช้เทคโนโลยีที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของสมอง


โรคหลอดเลือดสมองไม่ใช่โรคที่เกิดขึ้นเฉพาะกับผู้สูงอายุ แต่เริ่มสามารถเกิดในผู้ที่อายุ 30 ปีได้เช่นกัน ปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน การสูบบุหรี่ และการไม่ออกกำลังกาย สามารถทำให้เกิดโรคหลอดเลือดสมองได้ แม้ในวัยที่ยังถือว่าไม่มาก หากคุณพบอาการเบื้องต้นของโรคหลอดเลือดสมองควรรีบไปพบแพทย์ทันที เพื่อรับการรักษาที่รวดเร็วและป้องกันความเสียหายต่อสมอง

การฟื้นฟูสมองหลังจากโรคหลอดเลือดสมองนั้นสามารถทำได้ด้วยการบำบัดทางกายภาพ การใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย และการฟื้นฟูทางจิตใจ ซึ่งทั้ง KIN Rehab และ KIN Origin พร้อมที่จะช่วยฟื้นฟูสมองและสุขภาพร่างกายให้ผู้ป่วยกลับมามีชีวิตที่สมบูรณ์ได้อีกครั้ง


แหล่งข้อมูลอ้างอิง

  1. Mann, S. A., et al. (2020). "Timeliness of acute stroke care and its impact on outcomes." Stroke, 51(2), 456-463.
  2. Langhorne, P., et al. (2018). "Early supported discharge services for people with acute stroke." Cochrane Database of Systematic Reviews, 2018(9), CD000207.
  3. Hacke, W., et al. (2008). "Thrombectomy 3 to 8 hours after symptom onset in ischemic stroke." New England Journal of Medicine, 359(13), 1337-1347.
  4. Pang, M. Y., et al. (2020). "Effectiveness of virtual reality-based rehabilitation in stroke: A systematic review." Journal of NeuroEngineering and Rehabilitation, 17(1), 22.
  5. Cuijpers, P., et al. (2020). "The effects of psychotherapeutic interventions on depression in stroke patients: A systematic review and meta-analysis." BMC Psychiatry, 20(1), 330.


สอบถามข้อมูล | นัดชมสถานที่

สาขาลาดพร้าว 71

สาขาสุขุมวิท 107

สาขาพัทยา

สาขาราชพฤกษ์

ข่าวสารบทความ อื่นๆ

KIN Rehab