การฟื้นฟูผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) ในระยะ "Golden Period"

การฟื้นฟูผู้ป่วยโรคหลอดเลือด (Stroke) สมองในระยะ "Golden Period"

  โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) เฉียบพลันเป็นโรคที่ร้ายแรง แต่ก็สามารถป้องกันได้ สิ่งสำคัญคือต้องรู้สัญญาณเตือนและรีบไปพบแพทย์ทันทีหากคุณคิดว่าคุณกำลังมีอาการ

โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) เฉียบพลันเกิดขึ้นเมื่อเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ ซึ่งอาจเกิดจากลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดสมอง หรือหลอดเลือดสมองแตก โรคหลอดเลือดสมองเฉียบพลันเป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ที่ต้องได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีเพื่อป้องกันความเสียหายถาวรต่อสมอง

อาการของโรคหลอดเลือดสมองเฉียบพลัน ได้แก่

  1. อ่อนแรงหรือชาที่ใบหน้า แขน หรือขา โดยเฉพาะด้านใดด้านหนึ่งของร่างกาย
  2. ปัญหาในการพูดหรือเข้าใจคำพูด
  3. ปัญหาในการมองเห็นที่ตาข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้าง
  4. ปวดหัวอย่างรุนแรงที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน
  5. เวียนศีรษะ
  6. สูญเสียการทรงตัว
  7. คลื่นไส้
  8. อาเจียน
  9. ชัก


ช่วงเวลาทอง
 "Gloden Period"

    ของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง (Strokeคือ หลังผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองผ่านช่วงวิกฤติ หลังจากที่อาการผู้ป่วยอาการคงที่ แพทย์เห็นสมควรให้เริ่มกายภาพบำบัดได้ ระยะเวลาที่ได้ผลดีที่สุดในการฟื้นฟูสมองและร่างกาย (Golden Period) คือ ระยะเวลาไม่เกิน 3-6 เดือนแรกหลังเกิดภาวะโรค ไม่ว่าจะเป็นหลอดเลือดสมองตีบ แตกหรือตัน เป็นช่วงที่ผู้ป่วยจะฟื้นตัวได้เร็วที่สุด และเป็น ช่วงเวลาที่ดีของการฟื้นตัว อันเป็นผลมาจากการฟื้นตัวของตัวสมองในส่วนที่เสียหายเองร่วมกับการเรียนรู้การเคลื่อนไหว หลังจากนั้นการฟื้นฟูจะช้าลง
    เมื่อสิ้นสุดช่วงที่สมองฟื้นตัวขึ้นมาเอง ก็จะเข้าสู่ระยะที่มีการปรับตัวเองของเซลล์สมองส่วนที่ยังเหลืออยู่ ซึ่งพบว่าหากมีการฝึกพัฒนาการเคลื่อนไหวให้ถูกวิธี สมองสามารถพัฒนาไปได้อีกถึง 7 ปีจึงเริ่มช้าลง แต่ในทางกลับกัน หากผู้ป่วยได้รับการฝึกทักษะการเคลื่อนไหวที่ไม่ถูกต้อง การฟื้นตัวเองหลังจากนั้นจะช้าลง ไม่ใช่เพราะผลจากสมอง แต่เป็นสาเหตุมาจากการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างร่างกายและความเคยชินที่ทำให้ไม่สามารถพัฒนาการเคลื่อนไหวให้ดีขึ้น การแก้ปัญหาการเคลื่อนไหวก็จะกลายเป็นเรื่องที่ยากขึ้นเรื่อยๆ ตามระยะเวลาดังกล่าว

การฟื้นฟูในช่วงเวลานี้จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง โดยมีเหตุผลเชิงการแพทย์และวิทยาศาสตร์ดังนี้ :

1. ความยืดหยุ่นของสมอง (Neuroplasticity) สมองของมนุษย์มีความสามารถในการปรับตัวและสร้างเส้นทางการเชื่อมต่อใหม่ระหว่างเซลล์ประสาท ซึ่งเรียกว่า "ความยืดหยุ่นของสมอง" หรือ Neuroplasticity ในระยะ Golden Period สมองมีความยืดหยุ่นสูงที่สุด ทำให้สามารถสร้างเส้นทางการเชื่อมต่อใหม่ได้ง่ายขึ้น การฟื้นฟูในช่วงเวลานี้จึงมีโอกาสที่จะเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้น เนื่องจากสมองสามารถปรับตัวได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากกว่า

2. การลดความเสียหายที่เกิดจากการขาดการฟื้นฟู หลังจากเกิดโรคหลอดเลือดสมอง เซลล์สมองบางส่วนอาจได้รับความเสียหายหรือถูกทำลาย การฟื้นฟูในระยะ Golden Period ช่วยลดความเสียหายที่เกิดขึ้นได้ เนื่องจากการฟื้นฟูในช่วงเวลานี้สามารถกระตุ้นการทำงานของเซลล์สมองที่ยังคงทำงานได้ ทำให้สามารถฟื้นฟูความสามารถของร่างกายและการทำงานของสมองได้ดียิ่งขึ้น

3. การป้องกันภาวะแทรกซ้อน หากผู้ป่วยไม่ได้รับการฟื้นฟูในระยะ Golden Period อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง เช่น การติดเชื้อในปอด การเกิดแผลกดทับ และการเสื่อมสมรรถภาพของกล้ามเนื้อ การฟื้นฟูในช่วงเวลานี้ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้ โดยการกระตุ้นการเคลื่อนไหวและการทำงานของร่างกาย

4. การปรับตัวทางจิตใจและอารมณ์ การฟื้นฟูในระยะ Golden Period ไม่เพียงแต่ช่วยในด้านการฟื้นฟูทางกายภาพเท่านั้น แต่ยังมีผลในด้านจิตใจและอารมณ์ด้วย การที่ผู้ป่วยสามารถเห็นความก้าวหน้าในการฟื้นฟูได้เร็วจะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจและลดภาวะซึมเศร้า ซึ่งเป็นภาวะที่พบได้บ่อยในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง

5. การสนับสนุนจากครอบครัวและผู้ดูแล การฟื้นฟูในระยะ Golden Period มักได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวและผู้ดูแลเป็นอย่างดี เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่ผู้ป่วยต้องการความช่วยเหลือและการดูแลอย่างใกล้ชิด การมีครอบครัวและผู้ดูแลที่เข้าใจและสนับสนุนการฟื้นฟูจะช่วยให้ผู้ป่วยมีแรงจูงใจในการฟื้นฟูมากขึ้น


การฟื้นฟูในระยะ Golden Period 

1. การบำบัดทางกายภาพ (Physical Therapy)

  ความสำคัญของการบำบัดทางกายภาพ
  การบำบัดทางกายภาพเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการฟื้นฟูผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง เพราะโรคนี้มักจะทำให้ผู้ป่วยสูญเสียความสามารถในการเคลื่อนไหวบางส่วนหรือทั้งหมดของร่างกาย การฟื้นฟูทางกายภาพช่วยให้ผู้ป่วยกลับมามีความสามารถในการเคลื่อนไหวและทำกิจวัตรประจำวันได้ใกล้เคียงปกติ การบำบัดนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น กล้ามเนื้ออ่อนแรงหรือตึงเครียดเกินไป

  เทคนิคการบำบัดทางกายภาพ
  การบำบัดทางกายภาพในระยะ Golden Period มักรวมถึงการออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและเพิ่มความยืดหยุ่นของข้อต่อ เทคนิคต่างๆ ที่ใช้ เช่น การเดินบนลู่วิ่ง การฝึกการยืนทรงตัว การยืดกล้ามเนื้อ การฝึกยกของที่มีน้ำหนัก และการทำกิจกรรมที่กระตุ้นการใช้กล้ามเนื้อที่อ่อนแรง การบำบัดนี้ช่วยกระตุ้นระบบประสาทส่วนที่ยังคงทำงานได้ และช่วยให้เกิดการเชื่อมต่อใหม่ของเซลล์ประสาท

  การใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ช่วย
  ในบางกรณี การฟื้นฟูอาจต้องใช้อุปกรณ์ช่วย เช่น ไม้เท้า วอล์คเกอร์ หรืออุปกรณ์ช่วยเดินอื่นๆ รวมถึงการใช้เครื่องมือทางเทคโนโลยีที่ช่วยในการเคลื่อนไหวและการฟื้นฟูกล้ามเนื้อ เช่น เครื่องไฟฟ้ากระตุ้นกล้ามเนื้อ ซึ่งช่วยให้ผู้ป่วยสามารถฟื้นตัวได้เร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

2. การบำบัดทางการพูดและภาษา (Speech and Language Therapy)

  บทบาทของการบำบัดทางการพูดและภาษา
  โรคหลอดเลือดสมองสามารถส่งผลกระทบต่อความสามารถในการพูดและการใช้ภาษาได้ การบำบัดทางการพูดและภาษาเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นฟูความสามารถในการสื่อสาร การบำบัดนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหาการพูดไม่ชัด การพูดติดขัด หรือการสูญเสียความสามารถในการเข้าใจหรือใช้ภาษา

  เทคนิคการบำบัดการพูดและภาษา
  การบำบัดนี้เริ่มจากการประเมินระดับความรุนแรงของปัญหาทางการพูดและภาษา นักบำบัดจะออกแบบโปรแกรมการฝึกที่เฉพาะเจาะจง เช่น การฝึกการออกเสียง การเพิ่มความชัดเจนในการพูด การฝึกการสื่อสารด้วยคำศัพท์และประโยคง่ายๆ การใช้ภาพหรือสัญลักษณ์เพื่อช่วยในการสื่อสาร และการฝึกการใช้เครื่องมือหรืออุปกรณ์ช่วยสื่อสาร
 
  การบำบัดด้วยการกระตุ้นประสาทการพูด
  ในบางกรณี การบำบัดอาจรวมถึงการกระตุ้นสมองด้วยเทคนิคต่างๆ เช่น การกระตุ้นด้วยไฟฟ้า (TMS) หรือการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ช่วยฝึกการพูดและภาษา ซึ่งเทคนิคเหล่านี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการฟื้นฟูและช่วยให้ผู้ป่วยสามารถสื่อสารได้ดีขึ้น

 

 

3. การบำบัดทางจิตวิทยา (Psychological Therapy)

  ความสำคัญของการบำบัดทางจิตวิทยา
  นอกจากการบำบัดทางกายภาพและการพูดแล้ว การบำบัดทางจิตวิทยาก็มีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองเช่นกัน โรคนี้ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อร่างกายเท่านั้น แต่ยังมีผลต่อสภาพจิตใจของผู้ป่วยอีกด้วย ผู้ป่วยมักจะมีความรู้สึกหดหู่ วิตกกังวล หรือสูญเสียความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน

  การสนับสนุนทางอารมณ์และจิตใจ
  การบำบัดทางจิตวิทยาช่วยให้ผู้ป่วยสามารถปรับตัวกับสถานการณ์ใหม่และพัฒนาทักษะในการจัดการกับความเครียด จิตแพทย์ นักจิตวิทยาหรือผู้เชี่ยวชาญทางจิตเวชจะช่วยให้ผู้ป่วยรับมือกับความรู้สึกที่เกิดขึ้น และเสริมสร้างกำลังใจในการต่อสู้กับอาการของโรค

  การใช้เทคนิคการบำบัดทางจิตวิทยา
  การบำบัดทางจิตวิทยาอาจรวมถึงการทำบำบัดพูดคุย (Talk Therapy) การทำบำบัดด้วยการสร้างทัศนคติที่ดี (Cognitive Behavioral Therapy - CBT) ซึ่งช่วยให้ผู้ป่วยเรียนรู้วิธีคิดและพฤติกรรมที่ส่งผลดีต่อการฟื้นฟู การสนับสนุนจากครอบครัวและเพื่อนๆ ก็มีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูจิตใจผู้ป่วยเช่นกัน

  การจัดการกับภาวะซึมเศร้าหรือความวิตกกังวล
  การฟื้นฟูจิตใจของผู้ป่วยควรมีการประเมินและจัดการกับภาวะซึมเศร้าหรือความวิตกกังวลที่อาจเกิดขึ้น การให้คำปรึกษาและการใช้ยาในบางกรณีจะช่วยให้ผู้ป่วยสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

 

  การฟื้นฟูผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองในระยะ Golden Period เป็นกระบวนการที่ต้องการการดูแลเอาใจใส่และความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งผู้ป่วย ครอบครัว และทีมงานทางการแพทย์ ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในการสร้างฐานการฟื้นฟูที่จะส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยในระยะยาว การฟื้นฟูที่ครอบคลุมและเฉพาะเจาะจงจะช่วยให้ผู้ป่วยมีโอกาสฟื้นตัวได้ดีที่สุด

 

สอบถามข้อมูล | นัดชมสถานที่

สาขาลาดพร้าว 71

สาขาสุขุมวิท 107

สาขาพัทยา

สาขาราชพฤกษ์

ข่าวสารบทความ อื่นๆ

KIN Rehab