ตำแหน่งที่พบบ่อยของโรคหลอดเลือดสมอง
- สมองใหญ่ (Cerebrum) อยู่ด้านบนสุดและมีขนาดใหญ่สุด แบ่งได้เป็น 5 ส่วน
1.1 สมองใหญ่ส่วนหน้า (Frontal lobe) ทำหน้าที่สั่งให้ร่างกายเคลื่อนไหวโดยสมองข้างขวาสั่งให้ร่างกายซีกซ้ายเคลื่อนไหว และสมองข้างซ้ายสั่งให้ร่างกายซีกขวาเคลื่อนไหว ถ้าสมองส่วนนี้หรือเส้นประสาทที่ส่งต่อเนื่องไปยังร่างกายเสียหายหรือหยุดทำงาน ผู้ป่วยจะมีอาการอ่อนแรงด้านตรงข้ามรวมทั้งใบหน้าด้านตรงข้ามจะเบี้ยวไปด้วย ถ้าเป็นมาก ขยับไม่ได้เลย เรียกว่า อัมพาตครึ่งซีก ถ้าพอขยับหรือยกแขนขาได้เรียกว่า อัมพฤกษ์ นอกจากนี้มีส่วนของการสั่งให้พูด (Broca area) อยู่ด้านล่างของสมองส่วนหน้าข้างซ้าย (เป็นสมองข้างที่เด่นซึ่งในคนมักเป็นข้างซ้าย) ถ้าสมองส่วนนี้เสียไปผู้ป่วยพูดไม่ได้หรือถ้าเป็นไม่มาก ผู้ป่วยอาจพูดได้บางคำและพูดต่อเป็นประโยคไม่ได้
1.2 สมองใหญ่ส่วนข้าง (Parietal lobe) มีหน้าที่รับรู้การสัมผัส การเจ็บร้อนเย็น จากร่างกายซีกด้านตรงข้าม ถ้าผิดปกติจะมีการชาด้านตรงข้ามกับสมองที่มีปัญหา
1.3 สมองใหญ่ส่วนขมับ (Temporal lobe) มีหน้าที่สำคัญเกี่ยวกับความจำ แต่มีส่วนที่สำคัญจุดหนึ่งทำหน้าที่แปลเสียงที่ได้ยิน เป็นภาษาและต้องอยู่ในสมองข้างที่เด่น (ข้างซ้าย) ถ้าสมองส่วนนี้เสีย ผู้ป่วยจะไม่เข้าใจเสียงที่ได้ยินว่าแปลว่าอะไร ทั้งที่เป็นภาษาไทยที่เคยรู้มาก่อน
1.4 สมองใหญ่ส่วนท้ายทอย (Occipital lobe) มีหน้าที่สำคัญคือการรับภาพที่ส่งมาทางตา ถ้าสมองส่วนนี้เสีย ผู้ป่วยจะมองไม่เห็นครึ่งซีกของลานสายตาของแต่ละตา ถ้าทดสอบโดยการผิดตา เมื่อเปิดตาพร้อมกันสองข้างผู้ป่วยจะมองไม่เห็นครึ่งซีกด้านตรงข้ามกับสมองที่เสีย
1.5 สมองใหญ่ส่วนใน (Insular lobe) มีหน้าที่เกี่ยวกับการควบคุมประสาทอัตโนมัติ ไม่มีความสำคัญในเรื่องของโรคหลอดเลือดสมอง
- แกนสมอง (Brain stem) เป็นส่วนของสมองที่สายใยประสาทจากสมองลงมาไขสันหลังและจากไขสันหลังขึ้นไปยังสมอง และควบคุมการทำงานของเส้นประสาทสมองจำนวน 12 คู่
นอกจากนี้ยังทำหน้าที่ประสานการทรงตัวกับสมองเล็ก ถ้ามีความผิดปกติ มีการอ่อนแรงของแขนขา การชา เห็นภาพซ้อน พูดไม่ชัด เดินเซ กินแล้วสำลัก เวียนศรีษะบ้านหมุน
ถ้าเป็นมากอาจหมดสติโดยไม่รู้ตัว - สมองเล็ก (Cerebellum) อยู่ด้านหลังสุดทำหน้าที่ประสานสมองส่วนต่างๆ ทำงานสัมพันธ์กัน โดยเฉพาะด้านการเคลื่อนไหว ถ้าสมองส่วนนี้เสียการทำหน้าที่ จะทำให้มีอาการเวียนศรีษะบ้านหมุน เดินเซ ทรงตัวไม่ได้ พูดไม่ชัด แต่ไม่มีอาการอ่อนแรง
ตำแหน่งของเนื้อสมอง
ตำแหน่งของหลอดเลือดสมอง
Middle Cerebral Artery (MCA)
- สมองใหญ่ส่วนหน้า
- สมองใหญ่ส่วนข้าง
- สมองใหญ่ส่วนขมับ
- Basal ganglion
- Internal capsule
- Thalamus
- มีอาการอ่อนแรงด้านตรงข้าม บริเวณ ใบหน้า แขน ลำตัว และขา
- มีการสูญเสียความรู้สึกด้านตรงข้าม บริเวณ ใบหน้า แขน ลำตัว และขา
- ผู้ป่วยจะพูดได้ลำบาก พูดทวนคำไม่ได้ บอก ชื่อสิ่งของไม่ได้ แต่เข้าใจสิ่งที่ผู้อื่นพูด
- ผู้ป่วยพูดเองไม่ได้อ่านออกเสียงดัง หรือบอกชื่อวัตถุไม่ได้แต่ผู้ป่วยเข้าใจภาษาทุกอย่าง ทั้งภาษาพูดและภาษาเขียน รวมทั้งรู้จักสิ่งของแต่พูดไม่ออกหรือพูดได้บ้างแต่ทำเสียงสูงต่ำไม่ได้ หรือผู้ป่วยอาจพูดได้แต่ช้า10-15คำ/วินาที พูดสั้นๆได้แต่คำว่า ใช่ ไม่ใช่ และคำพูดที่ไม่ต้องกลั่นกรอง เช่น คำสบถ สาบาน คำหยาบ มักเกิดร่วมกับอัมพาตของใบหน้า อัมพาตครึ่งซีกมีอแพรกเซีย (apraxia เป็นความผิดปกติในการกระทำการเคลื่อนไหว ที่ซับซ้อนไม่สามารถทำได้ตามต้องการทั้งที่ผู้ป่วยเข้าใจคำสั่ง กล้ามเนื้อไม่อ่อนแรงการรับความรู้สึกเป็นปกติ )
- ผู้ป่วยจะไม่สามารถเข้าใจคำและประโยคทั้งการเขียนและการพูด ผู้ป่วยจะพูดได้คล่อง แต่ไม่เข้าใจคำพูดของตนเอง หรือไม่รู้ว่าตนเองพูดผิด สามารถพูดได้คล่องกว่าปกติ (Jargon aphasia) แต่ไม่มี ความหมายพูดไม่ถูกหลักไวยากรณ์ และไม่เหมาะสม สามารถคัดลอกคำพูดหรือประโยคได้
- การมองเห็นภาพครึ่งซีก หมายถึง ภาวะที่ตาทั้งสองข้างเห็นภาพแหว่งครึ่งซีกไป โดยภาพที่หายไป จะถูกแบ่งโดยแกนในแนวตั้งกลางลําตัว และภาพจะแหว่งไปในด้านเดียวกันทั้งสองตา
- การเคลื่อนไหวของตาผิดไปจากแนวปกติ
- มีปัญหาการเดิน
Anterior Cerebral Artery (ACA)
- สมองใหญ่ส่วนหน้า (ด้านใน)
- สมองใหญ่ส่วนข้าง (ด้านใน)
- สมองใหญ่ส่วนขมับ
- Basal ganglion
- Internal capsule
- Thalamus
- มีการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อด้านตรงข้าม โดยขาอ่อนแรงกว่าแขน
- มีการสูญเสียการรับความรู้สึกด้านตรงข้าม โดยขาอ่อนแรงกว่าแขน
- มีปัญหาการกลั้นปัสสาวะ
- การตอบสนองปฏิกิริยาสะท้อนด้วยการกำมือ
- สภาวะไม่พูดและเสียการเคลื่อนไหว ภาวะที่ผู้ป่วยตื่นบางส่วนหรือตื่นรู้ตัวดี สามารถจดจําและคิดได้ทราบได้จากการที่ผู้ป่วย สามารถมาบอกเล่าภายหลังโดยผู้ป่วยไม่ สามารถ ขยับร่างกายและออกเสียงได้
- ความผิดปกติของทักษะทางระบบสั่งการ (Motor skill) ทำให้ไม่สามารถมีการเคลื่อนไหว หรือ ไม่สามารถทำกิจกรรมที่เคยได้เรียนรู้หรือทำได้มาก่อน โดยไม่ได้เกิดจากการอ่อนแรง การเสียความรู้สึก
- ความไม่สามารถที่จะระบุวัตถุโดยการลูบคลำด้วยมืออย่างเดียว โดยไม่ใช้ความรู้สึกทางอื่น ๆ
- มีการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อขา แบบควบคุมไม่ได้
Posterior Cerebral Artery (PCA)
- สมองส่วนท้ายทอย
- สมองใหญ่ส่วนขมับ
- แกนสมองส่วน (mid brain)
- Optic radiation
- เส้นประสาทสมองคู่ที่ 3
- Thalamus
- มีการสูญเสียการรับความรู้สึก
- chorea คือ การเคลื่อนไหวแบบต่อเนื่อง ไม่เป็นจังหวะและไม่มีแบบแผนที่แน่นอน
- hemiballism คือ การเคลื่อนไหวที่คล้าย chorea แต่จะรุนแรงกว่า คล้ายการแกว่งของต้นแขนและต้นขา
- อาการปวดจะเกิดขึ้นเอง (spontaneous pain) โดยไม่ต้องมีตัวกระตุ้นหรือถ้ามีตัวกระตุ้นให้เกิดอาการ ปวด/ความรู้สึกสัมผัสที่ผิดปกติ
- มีอ่อนแรงด้านตรงข้าม และ มีกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง ความผิดปกติของเส้นประสาทสมองอาจทําให้เกิดการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อตาที่เลี้ยงด้วย เส้นประสาทสมองเส้นนั้นๆ หากลูกตาทั้งสองข้างไม่สามารถกลอกไปร่วมกันได้อย่างปกติ ผู้ป่วยจะมี อาการตามัวหรือเห็นภาพซ้อนเมื่อมองด้วยตาสองข้างพร้อมกันได้ เส้นประสาทสมองคู่ที่สามหรือสี่ผิดปกติภาพซ้อนจะซ้อนกัน อยู่ในแนวตั้ง
- การมองเห็นภาพครึ่งซีก ด้านตรงข้าม
- การมองเห็นภาพครึ่งซีก ทั้งสองข้าง
- ภาวะสูญเสียความเข้าใจภาษาจากการอ่านและแยกสี