5 เทคนิคฝึกสมอง ลดเสี่ยงอัลไซเมอร์
เมื่ออายุมากขึ้น สิ่งที่หลายคนกังวลไม่แพ้สุขภาพร่างกาย คือสุขภาพสมอง โดยเฉพาะโรคอัลไซเมอร์ ซึ่งเป็นภาวะความจำเสื่อมที่ค่อย ๆ รบกวนคุณภาพชีวิตทั้งของผู้ป่วยและคนรอบข้าง แม้โรคนี้จะยังไม่มียารักษาให้หายขาด แต่เราสามารถลดความเสี่ยงได้ด้วยการดูแลสมองอย่างถูกวิธี บทความนี้จะพาคุณไปรู้จัก 5 เทคนิคง่าย ๆ ที่ช่วยฝึกสมองให้กระฉับกระเฉง ชะลอการเสื่อมถอย และเพิ่มโอกาสมีชีวิตที่สดใสในทุกช่วงวัย

การฝึกสมองด้วยกิจกรรมที่ต้องใช้การคิดวิเคราะห์ การจดจำ และการวางแผน ช่วยให้สมองยังคงทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดการเสื่อมถอยของเซลล์ประสาทในระยะยาว เช่น:
- เล่นเกมฝึกสมอง เช่น ซูโดกุ ปริศนาอักษรไขว้ หมากรุก เกมจับผิดภาพ เกมคณิตศาสตร์ หรือเกมจับคู่เงา เกมเหล่านี้ช่วยพัฒนาทักษะการวิเคราะห์ แก้ปัญหา และกระตุ้นสมองซีกซ้าย-ขวา
- เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เช่น การเรียนภาษาใหม่ การเล่นเครื่องดนตรีชนิดใหม่ หรือแม้กระทั่งการลองทำอาหารสูตรใหม่
- อ่าน-เขียนสม่ำเสมอ การอ่านหนังสือ การเขียนไดอารี่ หรือการเขียนบันทึกประจำวันช่วยฝึกการใช้ภาษา ความคิดสร้างสรรค์ และความจำระยะยาว
- ฝึกใช้เทคโนโลยีใหม่ เช่น การเรียนรู้ใช้แอปพลิเคชันมือถือ หรืออุปกรณ์อัจฉริยะต่างๆ ที่ต้องใช้ความเข้าใจและการจดจำ
.png)
ไม่ใช่แค่กล้ามเนื้อเท่านั้นที่ต้องออกกำลัง สมองก็เช่นกัน การเคลื่อนไหวร่างกายส่งผลต่อระบบไหลเวียนโลหิตและช่วยให้สมองได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ
- การออกกำลังกาย เช่น เดินเร็ว ว่ายน้ำ โยคะ หรือเต้นรำ มีผลต่อความสดชื่นของสมองโดยตรง
- ส่งเสริมการหลั่งสารเคมีในสมองที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ ความจำ และการเจริญเติบโตของเซลล์ประสาท
- ควรทำอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน อย่างน้อย 5 วันต่อสัปดาห์ และเลือกประเภทการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับวัยและสภาพร่างกาย
.png)
การฝึกสมองผ่านการเคลื่อนไหวที่ต้องประสานกันทั้งสองข้างของร่างกาย เป็นการกระตุ้นสมองทั้งสองซีกให้ทำงานประสานกันอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น
- ท่าจีบแอล มือขวาทำท่าจีบ มือซ้ายทำรูปตัว L แล้วสลับกัน
- ท่าโป้งก้อย มือหนึ่งชูนิ้วโป้ง อีกมือชูนิ้วก้อย แล้วสลับ
- ท่าแตะหูไขว้ มือซ้ายแตะหูขวา มือขวาแตะหูซ้าย แล้วสลับ
- นวดขมับ-ไหปลาร้า เป็นการผ่อนคลายที่ส่งผลต่อสมองโดยตรง
.png)
การอยู่ในสภาพแวดล้อมทางสังคมที่ดี มีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น ช่วยลดความเหงา ความเครียด และช่วยให้สมองมีความยืดหยุ่นในการรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ:
- การพบปะพูดคุย การทำกิจกรรมกลุ่ม การทำงานอาสาสมัคร หรือแม้แต่การเล่นกับหลานล้วนช่วยพัฒนาสมอง
- สมองส่วนฮิปโปแคมปัสที่เกี่ยวข้องกับความจำระยะยาว จะทำงานดีขึ้นเมื่อมีความสุขทางสังคม
.png)
ความเครียดเรื้อรังเป็นหนึ่งในปัจจัยเร่งให้สมองเสื่อมเร็วขึ้น ดังนั้นการฝึกสติเพื่อจัดการความเครียดจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง
- ฝึกสมาธิวันละ 5-10 นาที
- ทำกิจกรรมที่ผ่อนคลาย เช่น อ่านหนังสือ ปลูกต้นไม้ ทำอาหาร หรือฟังดนตรี
- พยายามมองโลกในแง่บวก พูดคุยกับคนที่ไว้ใจได้ และพักผ่อนอย่างเพียงพอ
เทคนิคฝึกสมองง่าย ๆ ที่ทำได้ทุกวัย
- เปลี่ยนกิจวัตรเดิม ๆ เช่น ลองใช้มือที่ไม่ถนัด หรือเปลี่ยนเส้นทางเดินทาง
- เล่นเกมฝึกสมอง เพื่อพัฒนาการจำและการคิดวิเคราะห์
- เขียนไดอารี่ เป็นการจัดระบบความคิด และย้อนทบทวนประสบการณ์
- ฝึกคำนวณเลขในใจ หรือฝึกวางแผนรายรับรายจ่าย
- อ่านหนังสือ โดยเฉพาะหนังสือที่มีสาระหรือใช้ภาษาที่ท้าทาย
- ฝึกภาษาใหม่ ช่วยให้สมองปรับตัวและจดจำข้อมูลได้ดีขึ้น
- ฝึกการใช้ประสาทสัมผัสต่าง ๆ เช่น เดินในความมืด หรือเดาเสียงรอบตัว
รูปแบบการออกกำลังกายที่แนะนำ
- แอโรบิก
ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือด เช่น เดินเร็ว ว่ายน้ำ เต้นแอโรบิก - เวทเทรนนิ่ง (แรงต้าน)
ยกน้ำหนักเบา ๆ หรือใช้ยางยืด ช่วยพัฒนาการประสานงานสมองกับร่างกาย - โยคะ-ไทเก๊ก
เน้นสมดุล ความยืดหยุ่น และการควบคุมอารมณ์ - Neurobic Exercise
ท่าที่ใช้สมาธิและการเคลื่อนไหวซับซ้อน เช่น ท่าโป้งก้อย ท่าจีบแอล - กิจกรรมทางกายทั่วไป
เช่น ทำสวน เดินขึ้นลงบันได หรือทำงานบ้าน
การฝึกสมองไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องมือหรืออุปกรณ์ราคาแพง เพียงแค่ปรับพฤติกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตประจำวัน หมั่นทำกิจกรรมที่กระตุ้นสมอง เคลื่อนไหวร่างกาย เข้าสังคม และจัดการกับความเครียดให้ดี ก็ช่วยให้สมองแข็งแรง ลดความเสี่ยงอัลไซเมอร์ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ในทุกช่วงวัย