การเปลี่ยนแปลงในผู้สูงอายุในด้านจิตใจ
การเปลี่ยนแปลงในผู้สูงอายุเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและครอบคลุมหลายด้าน ทั้งทางร่างกาย จิตใจ
และสังคม การทำความเข้าใจเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้สามารถเตรียมตัวและ
ปรับตัวได้อย่างเหมาะสม และช่วยให้ผู้สูงอายุสามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดีและมีความสุขในทุกช่วงเวลา
ในด้านร่างกาย ผู้สูงอายุมักเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงที่เกี่ยวข้องกับการเสื่อมของระบบต่างๆ อาทิ
การลดลงของมวลกล้ามเนื้อ ความหนาแน่นของกระดูกที่ลดลง ระบบหัวใจและหลอดเลือดที่ทำงานได้ไม่
เต็มประสิทธิภาพ รวมถึงระบบประสาทที่เสื่อมลง ทำให้การเคลื่อนไหวช้าลงและมีความเสี่ยงต่อการล้มสูง
ขึ้น นอกจากนี้ ระบบทางเดินอาหารและระบบปัสสาวะก็อาจทำงานผิดปกติ ส่งผลให้ผู้สูงอายุมักประสบกับ
ปัญหาท้องผูก และการควบคุมปัสสาวะที่ลดลง
ในด้านจิตใจ การเปลี่ยนแปลงทางจิตใจของผู้สูงอายุส่วนใหญ่จะเป็นไปในทางลบ ซึ่งเป็นผลมาจากการ
สูญเสียในด้านต่างๆ ทั้งการสูญเสียคนรัก การเปลี่ยนแปลงบทบาทในครอบครัวและสังคม รวมถึงการ
สูญเสียความสามารถในการทำกิจกรรมที่เคยทำได้อย่างอิสระ การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้อาจนำไปสู่ความ
รู้สึกโดดเดี่ยว วิตกกังวล ซึมเศร้า และความรู้สึกไม่มั่นคง การรับรู้และเข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงทาง
จิตใจเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้สามารถให้การสนับสนุนและดูแลได้อย่างเหมาะสม
นอกจากการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย และจิตใจแล้ว ผู้สูงอายุยังต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงใน
ด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม การเกษียณอายุ การเปลี่ยนแปลงบทบาทในครอบครัว และการสูญเสียความ
สัมพันธ์กับเพื่อนฝูงและชุมชน อาจทำให้ผู้สูงอายุรู้สึกเหงาและไม่เป็นส่วนหนึ่งของสังคม การสนับสนุน
ทางสังคมและการสร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรกับผู้สูงอายุจะช่วยลดความรู้สึกโดดเดี่ยว และเสริม
สร้างคุณภาพชีวิตให้กับผู้สูงอายุได้
โดยรวมแล้ว การเปลี่ยนแปลงในผู้สูงอายุเป็นกระบวนการที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แต่การรับรู้ และเข้าใจถึง
การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ รวมถึงการเตรียมตัว และปรับตัวอย่างเหมาะสม จะช่วยให้ผู้สูงอายุสามารถมี
คุณภาพชีวิตที่ดี และมีความสุขในทุกช่วงเวลา
การเปลี่ยนแปลงในผู้สูงอายุ
จะขอพูดถึงการเปลี่ยนแปลงในผู้สูงอายุด้านจิตใจ การเปลี่ยนแปลงทางจิตใจของผู้สูงอายุส่วนใหญ่จะ
เป็นไปในทางลบ และเป็นผลมาจากการสูญเสียในด้านต่างๆ ประกอบด้วย
1) การสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก เนื่องจากเพื่อน บุคคลที่เป็นญาติสนิทหรือคู่ชีวิตต้องตายหรือแยกย้ายไปอยู่ที่อื่น ทำให้ผู้สูงอายุเกิดความรู้สึกถูกพรากจากบุคคลอันก่อให้เกิดความเศร้าได้ง่าย
2) การสูญเสียสภาพทางสังคมและเศรษฐกิจ เนื่องจากถึงวัยที่จะต้องออกจากงานขณะเดียวกันความสัมพันธ์ทางสังคมก็ลดน้อยลง เนื่องจากหมดภาระหน้าที่รับผิดชอบด้านการงาน ทำให้ผู้สูงอายุเกิดความรู้สึกสูญเสียตำแหน่งหน้าที่ รู้สึกว่าตนเองไร้คุณค่า นอกจากนี้ยังส่งผลให้ผู้สูงอายุขาดความผูกพันธ์ที่เคยมีต่อสังคม ขาดรายได้หรือรายได้ลดลง สิ่งเหล่านี้ทำให้ผู้สูงอายุต้องพยายามปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
3) การสูญเสียสัมพันธภาพในครอบครัว เนื่องจากในวัยนี้บุตรธิดามักจะมีครอบครัวกันแล้ว โดยเฉพาะลักษณะของสังคมปัจจุบันที่ครอบครัวมีลักษณะเป็นครอบครัวเดี่ยวมากกว่าเป็นครอบครัวขยาย ทำให้ความสัมพันธ์รหว่างพ่อแม่ที่เป็นผู้สูงอายุกับบุตรหลานของตนลดลง ทำให้ผู้สูงอายุอาจต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว เกิดความรู้สึกว้าเหว่ และรู้สึกว่าตนเองมีคุณค่าน้อยลง
4) การสูญเสียสมรรถภาพทางเพศ นับเป็นการสูญเสียทางจิตใจที่สำคัญ ทั้งนี้เพราะการเปลี่ยนแปลงทางสรีระเคมีของร่างกายทำให้ไม่สามารถสนองความต้องการทางเพศได้ทั้ง ๆ ที่ยังมีความต้องการทางเพศอยู่ นอกจากนั้นเหตุผลทางสังคม และวัฒนธรรม โดยเฉพาะเจตคติของสังคมที่มีต่อเพศสัมพันธ์ในวัยสูงอายุว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม นับว่าเป็นสิ่งที่ขัดขวางความต้องการทางเพศและมีผลกระทบต่อจิตใจของผู้สูงอายุมาก
สรุปคือ ผลกระทบดังกล่าวของการเปลี่ยนแปลงทางด้านจิตใจ คือ ผู้สูงอายุจะเกิดความรู้สึกกังวล
กลัวตาย เหงา ว้าเหว่ หดหู่ ซึมเศร้า สิ้นหวัง ความรู้สึกมีคุณค่าในตนเองลดลง ขาดความมั่นคงทาง
จิตใจ
อ้างอิงจากหนังสือ : ครอบครัวกับการส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุ โดย รองศาสตราจารย์ ดร.สุธรรม นันท
มงคลชัย คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
ปัจจัยที่ทำให้ผู้สูงอายุเปลี่ยนแปลงในด้านจิตใจ
การเปลี่ยนแปลงด้านจิตใจในผู้สูงอายุเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและมีหลายปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่ง
ปัจจัยเหล่านี้สามารถแบ่งออกได้เป็นหลายกลุ่ม ดังนี้:
- การเสื่อมของระบบต่างๆ ในร่างกาย: ความเจ็บป่วยเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรค หรือโรคข้อเสื่อม ส่งผลให้ผู้สูงอายุรู้สึกเหนื่อยล้าและหมดกำลังใจ
- การสูญเสียความสามารถทางกายภาพ: การลดลงของการทำงานของอวัยวะต่างๆ และความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อและข้อต่อทำให้ผู้สูงอายุรู้สึกว่าไม่สามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้เหมือนเดิม
- การสูญเสียคนรัก: การสูญเสียคู่สมรส เพื่อน หรือสมาชิกในครอบครัวทำให้ผู้สูงอายุรู้สึกเหงา และซึมเศร้า
- การเกษียณอายุ: การหยุดทำงานทำให้ผู้สูงอายุสูญเสียบทบาททางสังคมและรู้สึกว่าตนเองไม่มีคุณค่า
- การแยกตัวจากสังคม: การลดลงของความสามารถในการเดินทางและการเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคมทำให้ผู้สูงอายุรู้สึกโดดเดี่ยว
- ความจำเสื่อมและโรคสมองเสื่อม: การลดลงของความสามารถทางจิตใจ เช่น ความจำ ความสามารถในการตัดสินใจ และการแก้ปัญหาส่งผลให้ผู้สูงอายุรู้สึกสับสน และไม่มั่นใจในตัวเอง
- ความเครียดและความวิตกกังวล: ผู้สูงอายุอาจมีความเครียดและความวิตกกังวลเกี่ยวกับสุขภาพ การเงิน หรือการเปลี่ยนแปลงในชีวิตประจำวัน
- การเปลี่ยนแปลงในครอบครัว : ความเปลี่ยนแปลงในความสัมพันธ์กับสมาชิกในครอบครัว เช่น การย้ายที่อยู่ของลูกหลาน หรือการเกิดความขัดแย้งภายในครอบครัว ส่งผลให้ผู้สูงอายุรู้สึกไม่มั่นคง
- การขาดการสนับสนุนทางสังคม: การไม่มีเครือข่ายการสนับสนุนทางสังคม เช่น เพื่อนบ้าน กลุ่มเพื่อน หรือชุมชน ทำให้ผู้สูงอายุรู้สึกว่าไม่ได้รับการดูแลและสนับสนุน
- การมีรายได้ไม่เพียงพอ: การขาดรายได้หรือการมีรายได้ไม่เพียงพอสำหรับการใช้ชีวิตประจำวันทำให้ผู้สูงอายุรู้สึกเครียดและวิตกกังวลเกี่ยวกับอนาคต
- การไม่มีการประกันสุขภาพที่เพียงพอ: ความกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ และการรักษาพยาบาลทำให้ผู้สูงอายุรู้สึกไม่มั่นคง
- การเปลี่ยนแปลงที่อยู่อาศัย: การย้ายที่อยู่หรือการต้องปรับตัวกับสภาพแวดล้อมใหม่ เช่น การย้ายเข้าไปอยู่ในสถานดูแลผู้สูงอายุ ทำให้ผู้สูงอายุรู้สึกเครียด และไม่มั่นใจ
- สภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม: การอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม เช่น บ้านที่ไม่มีความปลอดภัยหรือไม่มีการปรับปรุงให้เหมาะสมกับผู้สูงอายุทำให้ผู้สูงอายุรู้สึกไม่สบายใจ
- การขาดกิจกรรมทางวัฒนธรรมและศาสนา : การไม่มีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมทางวัฒนธรรม และศาสนาที่เคยทำเป็นประจำ ทำให้ผู้สูงอายุรู้สึกว่าขาดส่วนสำคัญในชีวิต
การเข้าใจถึงปัจจัยเหล่านี้จะช่วยให้เราสามารถให้การสนับสนุน และดูแลผู้สูงอายุได้อย่างเหมาะสม
เพื่อให้พวกเขาสามารถปรับตัว และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น การเปลี่ยนแปลงของผู้สูงอายุ
อาจทำให้บางครอบครัวปรับตัวไม่ทัน หรือไม่มีเวลาที่มากพอ การหาคนดูแลที่บ้านเป็นหนึ่งทางเลือกหรือการเลือกใช้บริการศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ เนอสซิ่งโฮม ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ที่จะสามารถทำให้ดูแลผู้สูงอายุได้อย่างเหมาะสม และทำให้ผู้สูงอายุสบายใจ เพราะด้รับการดูแลอยู่ที่บ้าน
KIN ศูนย์ดูแลด้านสุขภาพเพื่อการฟื้นฟูร่างกายอย่างครบวงจร ประกอบไปด้วย โรงพยาบาลกายภาพบำบัด, ศูนย์ฟื้นฟูผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke Center), สหเวชกรรมคลินิกโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke), โรคกระดูกและข้อ (Orthopedic), กายภาพบำบัด (Rehabilitation), เวชศาสตร์ชะลอวัย (Anti-Aging Clinic), สุขภาพจิต (Mental Health), แพทย์แผนจีน, แพทย์แผนไทย, เทคโนโลยีทางด้านสุขภาพ (Health Tech) และศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ (Nursing Home) ผู้ป่วยพักฟื้น ผู้ป่วยติดเตียง (ระยะยาว , ชั่วคราว)
KIN - Rehabilitation & Homecare
สาขา ลาดพร้าว 71
เลขที่ 6 ซอยนาคนิวาส 18 (ลาดพร้าว 71)
เวลาทำการ ทุกวัน 09.00 – 18.00 น.
: KIN - Rehabilitation & Homecare
แผนที่ : https://bit.ly/2VvPDq6
KIN Origin Healthcare Wellness Center
สาขา สุขุมวิท 107
596 หมู่ 7 ซอยแบริ่ง 10 ถนนแบริ่ง 107
สำโรงเหนือ เมืองสมุทรปราการ
เวลาทำการ ทุกวัน 09.00 – 18.00 น.
: Kin Origin Sukhumvit 107
แผนที่ : https://shorturl.asia/KxzBk