อาการป่วยที่พบบ่อยหลังจากการเดินทางไกล
สวัสดีปีใหม่ 2566 ล่วงหน้าค่ะทุกคน ! หวังว่าทุกคนจะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ในช่วงวันหยุดยาวที่จะมาถึงนะคะ แต่สำหรับใครที่ต้องเดินทางไกลในช่วงวันหยุด อาจจะต้องระมัดระวังเรื่องสุขภาพเป็นพิเศษ เพราะการเดินทางไกลอาจทำให้เกิดอาการป่วยได้หลายอย่างเลยค่ะ บทความนี้เราจะพาทุกคนไปดูอาการป่วยที่เกิดขึ้นได้ในการเดินทางไกล และวิธีการป้องกัน มีวิธีอะไรบ้าง ไปดูกัน โรคหลอดเลือดสมอง
อาการป่วยที่พบบ่อยหลังจากการเดินทางไกล
1. เจ็ทแล็ก (Jet lag)
อาการเจ็ทแล็กเกิดขึ้นเมื่อร่างกายของเราไม่สามารถปรับตัวเข้ากับเขตเวลาใหม่ได้อย่างรวดเร็ว อาการของเจ็ทแล็ก ได้แก่ นอนไม่หลับ, ง่วงนอน, อ่อนเพลีย, ปวดหัว, ท้องอืด, ท้องผูก และเบื่ออาหาร
อาการเจ็ทแล็กเกิดขึ้นเมื่อร่างกายของเราไม่สามารถปรับตัวเข้ากับเขตเวลาใหม่ได้อย่างรวดเร็ว อาการของเจ็ทแล็ก ได้แก่ นอนไม่หลับ, ง่วงนอน, อ่อนเพลีย, ปวดหัว, ท้องอืด, ท้องผูก และเบื่ออาหาร
2. โรคติดต่อ
การเดินทางไกลอาจทำให้เราสัมผัสกับเชื้อโรคใหม่ๆ ได้มากขึ้น ซึ่งอาจทำให้เกิดโรคติดต่อได้ เช่น ไข้หวัด, ไข้หวัดใหญ่, โรคทางเดินหายใจ, โรคอาหารเป็นพิษ และโรคผิวหนัง
การเดินทางไกลอาจทำให้เราสัมผัสกับเชื้อโรคใหม่ๆ ได้มากขึ้น ซึ่งอาจทำให้เกิดโรคติดต่อได้ เช่น ไข้หวัด, ไข้หวัดใหญ่, โรคทางเดินหายใจ, โรคอาหารเป็นพิษ และโรคผิวหนัง
3. อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
การนั่งอยู่ในรถ หรือเครื่องบินเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อได้ โดยเฉพาะบริเวณหลัง, คอ, ไหล่ และขา
การนั่งอยู่ในรถ หรือเครื่องบินเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อได้ โดยเฉพาะบริเวณหลัง, คอ, ไหล่ และขา
4. อาการบวมน้ำ
การนั่งอยู่ในรถ หรือเครื่องบินเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดอาการบวมน้ำได้ โดยเฉพาะบริเวณเท้า, ข้อเท้า และมือ
การนั่งอยู่ในรถ หรือเครื่องบินเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดอาการบวมน้ำได้ โดยเฉพาะบริเวณเท้า, ข้อเท้า และมือ
5. ภาวะขาดน้ำ
การเดินทางไกลอาจทำให้เราสูญเสียน้ำได้มากขึ้นกว่าปกติ โดยเฉพาะเมื่อเราอยู่ในสภาพอากาศที่แห้งหรือร้อน ดังนั้น จึงควรดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ
การเดินทางไกลอาจทำให้เราสูญเสียน้ำได้มากขึ้นกว่าปกติ โดยเฉพาะเมื่อเราอยู่ในสภาพอากาศที่แห้งหรือร้อน ดังนั้น จึงควรดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ
วิธีป้องกันอาการป่วยหลังจากการเดินทางไกล
1. ปรับตัวเข้ากับเขตเวลาใหม่
หากคุณต้องเดินทางข้ามเขตเวลา ควรเริ่มปรับตัวเข้ากับเขตเวลาใหม่ก่อนเดินทาง โดยการนอน และตื่นให้ตรงกับเวลาของเขตเวลาใหม่
หากคุณต้องเดินทางข้ามเขตเวลา ควรเริ่มปรับตัวเข้ากับเขตเวลาใหม่ก่อนเดินทาง โดยการนอน และตื่นให้ตรงกับเวลาของเขตเวลาใหม่
2. ล้างมือบ่อยๆ
การล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่ และน้ำเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันการติดเชื้อโรค
การล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่ และน้ำเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันการติดเชื้อโรค
3. รับประทานอาหารที่ปรุงสุก
เพื่อหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อโรค ควรรับประทานอาหารที่ปรุงสุกเท่านั้น
เพื่อหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อโรค ควรรับประทานอาหารที่ปรุงสุกเท่านั้น
4. ดื่มน้ำให้เพียงพอ
การดื่มน้ำให้เพียงพอจะช่วยป้องกันภาวะขาดน้ำ และช่วยให้ร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การดื่มน้ำให้เพียงพอจะช่วยป้องกันภาวะขาดน้ำ และช่วยให้ร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
5. ยืดเส้นยืดสาย
การยืดเส้นยืดสายเป็นประจำจะช่วยป้องกันอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
การยืดเส้นยืดสายเป็นประจำจะช่วยป้องกันอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
6. พักผ่อนให้เพียงพอ
การพักผ่อนให้เพียงพอจะช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูจากความเหนื่อยล้า และช่วยป้องกันอาการป่วย
การพักผ่อนให้เพียงพอจะช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูจากความเหนื่อยล้า และช่วยป้องกันอาการป่วย
หากคุณมีอาการป่วยหลังจากการเดินทางไกล ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง
วันปีใหม่เป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลอง และการเดินทางท่องเที่ยว หลายๆ คนวางแผนที่จะเดินทางกลับภูมิลำเนาหรือไปเที่ยวต่างจังหวัดเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ เพื่อให้คุณเดินทางได้อย่างสนุกสนาน และปลอดภัย อย่าลืมทำตามขอแนะนำด้วยนะคะ
สุดท้ายนี้ อย่าลืมเพลิดเพลินกับการเดินทาง และเก็บเกี่ยวความทรงจำดีๆ ในช่วงวันหยุดยาวนี้ เดินทางปลอดภัยนะคะ
KIN - Rehabilitation & Homecare
สาขา ลาดพร้าว 71
เลขที่ 6 ซอยนาคนิวาส 18 (ลาดพร้าว 71)
เวลาทำการ ทุกวัน 09.00 – 18.00 น.
: KIN - Rehabilitation & Homecare
แผนที่ : https://bit.ly/2VvPDq6
KIN Origin Healthcare Wellness Center
สาขา สุขุมวิท 107
596 หมู่ 7 ซอยแบริ่ง 10 ถนนแบริ่ง 107
สำโรงเหนือ เมืองสมุทรปราการ
เวลาทำการ ทุกวัน 09.00 – 18.00 น.
: Kin Origin Sukhumvit 107
แผนที่ : https://shorturl.asia/KxzBk
Tags