อาหารที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่มีภาวะเสี่ยงเกิดโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke)

   อาหารที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่มีภาวะเสี่ยงเกิดโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke)

   โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) นั้นเป็นโรคที่มีโอกาสเกิดขึ้นซ้ำได้หากขาดการป้องกันและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อควบคุมปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรค ซึ่งการรับประทานอาหารที่ถูกต้องและเหมาะสม จะช่วยควบคุมปัจจัยต่าง ๆ ที่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคซ้ำได้

   การรักษาน้ำหนักตัวให้เหมาะสม
         ผู้ที่มีภาวะโรคอ้วนจะเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง(Stroke) ได้ หากมีน้ำหนักตัวเกินหรือภาวะอ้วน ควรจำกัดการบริโภคอาหาร โดยหลีกเลี่ยงอาหารในกลุ่มที่ให้พลังงานสูง เช่น  อาหารที่มีแป้งและน้ำตาล  หลีกเลี่ยงอาหารหวานจัด อาหารไขมันสูง หลีกเลี่ยงอาหารจำพวกแกงกะทิ และ ของทอด เป็นต้น

   ผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตสูง
        ควรควบคุมอาหารที่จะส่งผลให้ความดันโลหิตสูง เนื่องจากหากมีภาวะความดันโลหิตสูง อาจส่งผลให้เกิดโรคหลอดเลือดสมองซ้ำได้ การบริโภคอาหารเพื่อป้องกันภาวะความดันโลหิตสูง มีดังนี้
        1. ลดเค็มจำกัดการรับประทานโซเดียมไม่เกินวันละ 2,300 มิลลิกรัม  โดยการหลีกเลี่ยงอาหารที่มีเกลือโซเดียมสูง  เช่น  อาหารหมักดอง  อาหารแปรรูป อาหารกระป๋อง เครื่องปรุงรสต่าง ๆ  เช่น เกลือ น้ำปลา  ซอสปรุงรส
        2. รับประทานผักผลไม้ให้หลากหลาย เป็นประจำทุกวัน

   ผู้ที่มีภาวะไขมันในเลือดสูง
        อาหารประเภทไขมันมีความจำเป็นสำหรับร่างกาย เนื่องจากให้พลังงานและช่วยในการดูดซึมวิตามินต่าง ๆ เราจึงจำเป็นต้องรับประทานอาหารประเภทไขมัน แต่ปริมาณไขมันที่ได้รับไม่ควรเกิน ร้อยละ 25 –30 ของพลังงานทั้งหมดที่ได้รับจากสารอาหารเพราะเมื่อรับประทานมากเกินกว่าที่ร่างกายต้องการ จะทำให้เกิดโรคอ้วนและภาวะไขมันในเลือดสูงได้ แนวทางในการบริโภคอาหาร เพื่อลดปริมาณไขมันในเลือด มีดังนี้

        1. หลีกเลี่ยงหรือลดการรับประทานอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูง เช่น น้ำมันหมู หมูสามชั้น  เนย ครีม  น้ำมันมะพร้าว น้ำมันปาล์ม อาหารที่ทำจากกะทิ เพราะกรดไขมันอิ่มตัวส่วนใหญ่ทำให้ระดับคอเรสเตอรอลในเลือดสูงขึ้น
        2. จำกัดปริมาณคอเรสเตอรอลในอาหารไม่เกิน วันละ 300 มิลลิกรัม 
         - รับประทานไข่แดงไม่เกินสัปดาห์ละ 3 ฟอง
        - หลีกเลี่ยงเครื่องในสัตว์ทุกชนิด
        - หลีกเลี่ยงอาหารทะเลบางชนิด เช่น กุ้ง ปลาหมึก หอยนางรม
        - เลือกรับประทานเนื้อสัตว์ที่มีไขมันต่ำ  เช่นปลา เนื้อไก่ไม่ติดหนัง  เต้าหู้
        - เลือกดื่มนมพร่องมันเนย หรือ นมไขมันต่ำ
        3. เลือกวิธีการปรุงอาหารที่ใช้ไขมันน้อย  เช่น  ต้ม ตุ๋น นึ่ง อบ ย่าง ยำ แทนการทอดหรือผัด ซึ่งใช้น้ำมันในปริมาณมาก
        4. รับประทานไขมันไม่อิ่มตัวในปริมาณที่พอเหมาะ เช่น ใช้น้ำมันพืชในการประกอบอาหารแทนการใช้น้ำมันจากสัตว์ ซึ่งน้ำมันพืชที่ดี คือ น้ำมันมะกอก รองลงมาคือ น้ำมันถั่วเหลืองและน้ำมันรำข้าว แต่ต้องเลือกใช้น้ำมันให้เหมาะสมกับวิธีการปรุงประกอบ เช่น  น้ำมันถั่วเหลืองและน้ำมันรำข้าวเหมาะสมกับการผัด  ส่วนน้ำมันปาล์มเหมาะสมกับการทอดเพราะมีจุดเกิดควันสูง สามารถทอดอาหารได้กรอบแต่ควรใช้เพียงครั้งเดียว (ไม่ควรใช้น้ำมันในการทอดอาหารซ้ำ)
        5. รับประทานอาหารที่มีเส้นใยสูงเช่น ผัก  ผลไม้ ข้าวซ้อมมือ ถั่วเมล็ดแห้ง  เนื่องจากใยอาหารจะช่วยลดการดูดซึมไขมันได้
        6. หลีกเลี่ยงน้ำหวาน ขนมหวานทุกชนิดที่หวานมีน้ำตาลหรือแป้งมาก รับประทานข้าว ก๋วยเตี๋ยว ขนมปังแต่พอสมควร รวมถึงการหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เพราะจะสะสมเกิดเป็นไขมันได้

   ผู้ป่วยมีภาวะน้ำตาลในเลือดสูง หรือโรคเบาหวาน
       โรคเบาหวาน  เป็นโรคที่เกิดขึ้นเมื่อร่างกายไม่สามารถนำน้ำตาลกลูโคสในเลือดไปใช้ได้อย่างเหมาะสม  ซึ่งอาหารที่รับประทานเข้าไป จะถูกเปลี่ยนเป็นน้ำตาลกลูโคส  ถ้ารับประทานอาหารมากเกินไปน้ำตาลที่นำไปใช้ไม่หมดจะสะสมอยู่ในกระแสเลือด ถ้ามีมากก็จะออกมาในปัสสาวะได้  ผู้ป่วยเบาหวานมีโอกาสที่จะเป็นโรคหลอดเลือดแดงตีบมากกว่าปกติซึ่งโรคดังกล่าวนั้นก็จะส่งผลให้เป็นโรคหลอดเลือดสมองซ้ำได้ หลักในการเลือกรับประทานอาหารสำหรับคนเบาหวานดังนี้

  1. รับประทานอาหารให้หลากหลาย และรับประทานให้เป็นเวลา
  2. หลีกเลี่ยงของหวานและอาหารที่มีส่วนผสมของน้ำตาล
  3. รับประทานอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตที่มีใยอาหารมากขึ้น  เช่น  ข้าวซ้อมมือ  ขนมปังโฮลวีต

   อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง

      -  อาหารที่มีรสหวานจัด ขนมหวาน  น้ำตาลทุกชนิด

      -  ผลไม้รสหวานจัด  เช่น  ทุเรียน

      - น้ำหวาน  ลูกอม  ลูกกวาด  น้ำอัดลม

 

สนใจสอบถามข้อมูล
KIN (คิน) - Rehabilitation & Homecare
โทร. 0802400426 / 091 803-3071 / 0-2020-1171
สอบถามบริการของ KIN  แอด LINE@ สอบถามรายละเอียด @kin.rehab มี @ ข้างหน้า หรือ Click : http://bit.ly/2M5f3Id
แผนที่ไป KIN (คิน) http://bit.ly/2VvPDq6
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม https://www.kinrehab.com/
FaceBook(Inbox) : https://www.facebook.com/KIN.Rehabilitation

ข่าวสารบทความ อื่นๆ

KIN Rehab