ประโยชน์ของการเลือกศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่มีบริการสุขภาพครบวงจร

ประโยชน์ของการเลือกศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่มีบริการสุขภาพครบวงจร

ในยุคที่สังคมไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มตัว การดูแลผู้สูงอายุกลายเป็นประเด็นสำคัญที่ทุกครอบครัวต้องให้ความใส่ใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้สูงอายุมีความต้องการทางสุขภาพที่ซับซ้อน และแตกต่างกันไป ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่มีบริการสุขภาพครบวงจรจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ ซึ่งมาพร้อมกับประโยชน์มากมายที่จะช่วยให้ผู้สูงอายุได้รับการดูแลอย่างมีคุณภาพ และครอบคลุมในทุกมิติ

1. การดูแลสุขภาพที่มีคุณภาพ และครอบคลุม

ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่มีบริการครบวงจร จะมีบริการทางการแพทย์ และสุขภาพที่หลากหลาย ครอบคลุมตั้งแต่การตรวจสุขภาพประจำวัน การบำบัดฟื้นฟู ไปจนถึงการดูแลระยะยาวสำหรับผู้ที่มีภาวะเจ็บป่วยเรื้อรัง 

ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้สูงอายุ (อายุ 60 ปีขึ้นไป) ประมาณ 14 ล้านคน และคาดว่าในปี 2030 จะมีจำนวนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นเป็น 20% ของประชากรทั้งหมด ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ

การมีบริการที่ครอบคลุมเช่นนี้ ช่วยให้ผู้สูงอายุได้รับการดูแลที่ตรงกับความต้องการเฉพาะของแต่ละบุคคล ไม่ว่าจะเป็นการจัดการโรคประจำตัว การฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายหลังการเจ็บป่วย หรือแม้แต่การดูแลแบบประคับประคองในระยะท้ายของชีวิต

2. การรักษาแบบองค์รวม

การเลือกศูนย์ดูแลที่มีบริการครบวงจรหมายถึง ผู้สูงอายุจะได้รับการรักษาจากทีมสหวิชาชีพ ซึ่งประกอบด้วยแพทย์ พยาบาล นักกายภาพบำบัด นักโภชนาการ และผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต ทำให้การดูแลเป็นไปอย่างครอบคลุม และมีประสิทธิภาพ

การศึกษาพบว่า ผู้สูงอายุที่ได้รับการรักษาจากหลายสาขา มีโอกาสฟื้นตัวจากอาการป่วยสูงขึ้นถึง 30% เมื่อเทียบกับผู้สูงอายุที่ไม่ได้รับการดูแลในระบบที่ครบวงจร นอกจากนี้ ยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อน และการกลับเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลซ้ำ

3. ความสะดวกสบาย และการลดภาระของครอบครัว

การมีบริการทุกอย่างในที่เดียว ช่วยลดภาระของครอบครัวในการพาผู้สูงอายุไปรับบริการทางการแพทย์ที่สถานที่ ซึ่งอาจเป็นเรื่องยุ่งยาก และเสียเวลา โดยเฉพาะสำหรับผู้สูงอายุที่มีข้อจำกัดในการเคลื่อนไหว ทำให้ครอบครัวสามารถวางแผนการทำงาน และชีวิตประจำวันได้สะดวกมากขึ้น โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการดูแลผู้สูงอายุในช่วงกลางวัน


4. การดูแลด้านจิตใจ และอารมณ์อย่างครอบคลุม

ศูนย์ดูแลที่ครบวงจรให้ความสำคัญกับสุขภาพจิตของผู้สูงอายุ โดยมีบริการด้านสุขภาพจิตและอารมณ์ เช่น การบำบัดด้วยการพูดคุย การทำกิจกรรมบำบัด และการส่งเสริมการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม

ข้อมูลจากกรมสุขภาพจิต ชี้ให้เห็นว่า 20% ของผู้สูงอายุมีปัญหาสุขภาพจิต เช่น ภาวะซึมเศร้า หรือความวิตกกังวล การมีบริการสุขภาพจิตในศูนย์ดูแลช่วยลดปัญหานี้ได้ถึง 50% โดยการให้คำปรึกษา และการบำบัดที่เหมาะสม

การดูแลด้านจิตใจนี้ช่วยป้องกันภาวะซึมเศร้า และความรู้สึกโดดเดี่ยว ซึ่งเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่คนเดียวหรือมีข้อจำกัดในการเข้าสังคม

5. การดูแลผู้สูงอายุที่เป็นรายบุคคล และการวางแผนการดูแลระยะยาว

ในศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่ครบวงจร ผู้สูงอายุแต่ละคนจะได้รับการประเมินสุขภาพอย่างละเอียดและได้รับแผนการดูแลที่ออกแบบเฉพาะบุคคล ซึ่งคำนึงถึงสภาพร่างกาย จิตใจ และความต้องการเฉพาะของแต่ละคน

การวางแผนการดูแลระยะยาวนี้ช่วยให้ทีมผู้ดูแลสามารถคาดการณ์และเตรียมพร้อมสำหรับความต้องการในอนาคตของผู้สูงอายุ ทำให้สามารถป้องกันปัญหาสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที

6. การเข้าถึงบริการฉุกเฉิน และการดูแลตลอด 24 ชั่วโมง

ความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้สูงอายุ ศูนย์ดูแลที่มีบริการครบวงจรมักมีระบบเรียกฉุกเฉิน และทีมแพทย์พยาบาลพร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุ หรือภาวะฉุกเฉินทางสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา

นอกจากนี้ การมีบุคลากรทางการแพทย์ประจำศูนย์ยังช่วยให้สามารถตรวจพบ และจัดการกับปัญหาสุขภาพได้อย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะลุกลามเป็นภาวะรุนแรง

7. การสนับสนุนจากทีมงานมืออาชีพ และการพัฒนาคุณภาพชีวิต

ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่ครบวงจรมีทีมงานมืออาชีพที่ได้รับการฝึกอบรมเฉพาะทางในการดูแลผู้สูงอายุ ทำให้ผู้สูงอายุได้รับการดูแลที่มีคุณภาพ และเหมาะสมกับวัย

สถิติแสดงให้เห็นว่าผู้สูงอายุที่ได้รับการดูแลจากทีมงานมืออาชีพมีความพึงพอใจในบริการสูงถึง 85% และมีอัตราการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลลดลงถึง 40%

นอกจากนี้ ศูนย์ดูแลยังมักจัดกิจกรรมส่งเสริมคุณภาพชีวิต เช่น การออกกำลังกายที่เหมาะสมกับวัย กิจกรรมทางสังคม และการฝึกทักษะต่างๆ ซึ่งช่วยให้ผู้สูงอายุมีสุขภาพกาย และใจที่ดีขึ้น



8. การให้การศึกษาแก่ครอบครัว และการเตรียมพร้อมสู่การดูแลที่บ้าน

ศูนย์ดูแลที่มีบริการครบวงจรไม่เพียงแต่ดูแลผู้สูงอายุเท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับการให้ความรู้แก่ครอบครัวด้วย โดยมีโปรแกรมการให้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลผู้สูงอายุ การจัดการกับภาวะฉุกเฉิน และการส่งเสริมสุขภาพที่บ้าน

การศึกษาพบว่า 70% ของครอบครัวที่มีผู้สูงอายุในศูนย์ดูแลรู้สึกมั่นใจมากขึ้นเกี่ยวกับการดูแลผู้สูงอายุของตน เมื่อได้รับการศึกษา และการสนับสนุนจากทีมงานศูนย์ดูแล ความรู้และทักษะที่ได้รับนี้ไม่เพียงแต่ช่วยในการดูแลผู้สูงอายุที่ศูนย์เท่านั้น แต่ยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการดูแลที่บ้านได้อีกด้วย


9. การส่งเสริมการมีส่วนร่วมในสังคม และกิจกรรมที่มีความหมาย

ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุแบบครบวงจรมักจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมการมีส่วนร่วมทางสังคม และกิจกรรมที่มีความหมายสำหรับผู้สูงอายุ เช่น

  • กลุ่มทำงานอดิเรก เช่น การวาดภาพ หรืองานฝีมือ
  • ชมรมการอ่านหนังสือหรือการเขียน
  • กิจกรรมออกกำลังกายแบบกลุ่ม เช่น โยคะสำหรับผู้สูงอายุ 
  • โปรแกรมอาสาสมัครที่เหมาะสมกับความสามารถของผู้สูงอายุ

กิจกรรมเหล่านี้ช่วยส่งเสริมสุขภาพจิต ป้องกันภาวะซึมเศร้า และช่วยให้ผู้สูงอายุรู้สึกมีคุณค่าและเป็นส่วนหนึ่งของสังคม



10. การใช้เทคโนโลยีในการดูแล และติดตามสุขภาพ

ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุสมัยใหม่นำเทคโนโลยีมาใช้ในการดู แลและติดตามสุขภาพของผู้สูงอายุ เช่น

  • อุปกรณ์สวมใส่ที่ติดตามสัญญาณชีพและการเคลื่อนไหว
  • แอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนสำหรับการสื่อสารกับครอบครัว
  • ระบบเตือนภัยอัตโนมัติในกรณีที่ผู้สูงอายุหกล้ม หรือมีภาวะฉุกเฉิน

การใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยเพิ่มความปลอดภัย และประสิทธิภาพในการดูแล อีกทั้งยังช่วยให้ครอบครัวสามารถติดตามสุขภาพของผู้สูงอายุได้อย่างใกล้ชิด แม้จะอยู่ห่างไกลกัน

11. การดูแลด้านโภชนาการที่เหมาะสม

โภชนาการที่เหมาะสมมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อสุขภาพของผู้สูงอายุ ศูนย์ดูแลแบบครบวงจรมักมีนักโภชนาการที่ออกแบบเมนูอาหารให้เหมาะสมกับความต้องการทางโภชนาการของผู้สูงอายุแต่ละคน โดยคำนึงถึง

  • โรคประจำตัว และข้อจำกัดทางสุขภาพ
  • ความชอบ และรสนิยมส่วนบุคคล
  • ความต้องการพลังงาน และสารอาหารที่เปลี่ยนแปลงตามวัย

การได้รับอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการเหมาะสมช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ป้องกันโรค และส่งเสริมคุณภาพชีวิตโดยรวมของผู้สูงอายุ


การเลือกศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่มีบริการสุขภาพครบวงจรนั้นเป็นการตัดสินใจที่สำคัญที่จะช่วยให้ผู้สูงอายุได้รับการดูแลที่ดีที่สุด ทั้งในด้านสุขภาพร่างกาย จิตใจ และสังคม ด้วยการรักษาบริการต่างๆ เข้าด้วยกัน ตั้งแต่การดูแลทางการแพทย์ การฟื้นฟูสมรรถภาพ ไปจนถึงกิจกรรมส่งเสริมคุณภาพชีวิต ศูนย์ดูแลแบบครบวงจรจึงเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้สูงอายุ และครอบครัวในยุคปัจจุบัน

การมีทีมงานมืออาชีพ เทคโนโลยีที่ทันสมัย และการให้ความสำคัญกับการดูแลแบบองค์รวม ช่วยให้ผู้สูงอายุสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข ปลอดภัย และมีคุณภาพชีวิตที่ดีในช่วงบั้นปลายของชีวิต ในขณะเดียวกัน ครอบครัวก็สามารถมั่นใจได้ว่าผู้สูงอายุที่รักจะได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด

ด้วยแนวโน้มของสังคมผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การพัฒนา และส่งเสริมศูนย์ดูแลผู้สูงอายุแบบครบวงจรจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยรองรับความต้องการในอนาคต และช่วยให้ผู้สูงอายุทุกคนสามารถเข้าถึงการดูแลที่มีคุณภาพได้อย่างทั่วถึง


KIN Nursing Home

ยกระดับคุณภาพชีวิตผู้สูงวัย ด้วยการดูแลแบบองค์รวมที่ KIN Nursing Home

KIN Nursing Home คือศูนย์ดูแลผู้สูงอายุครบวงจรที่มุ่งมั่นในการมอบการดูแลเหมือนครอบครัว เราเข้าใจว่าทุกชีวิตมีคุณค่า และต้องการการดูแลที่แตกต่างกัน จึงนำเสนอบริการที่ครอบคลุมทุกมิติของสุขภาพ และความเป็นอยู่ที่ดี



สิ่งที่คุณจะได้รับจาก KIN Nursing Home:

  1. ทีมแพทย์ และพยาบาลมืออาชีพ พร้อมดูแล 24 ชั่วโมง
  2. โปรแกรมฟื้นฟูสุขภาพเฉพาะบุคคล ออกแบบโดยผู้เชี่ยวชาญ
  3. กิจกรรมส่งเสริมสุขภาพกายและใจ เช่น ศิลปะบำบัด และทำอาหาร
  4. โภชนาการที่ปรับแต่งเฉพาะบุคคล โดยนักโภชนาการมืออาชีพ
  5. เทคโนโลยีทันสมัย เพื่อการติดตามสุขภาพ และความปลอดภัย
  6. สภาพแวดล้อมที่อบอุ่น และเป็นมิตร ออกแบบเพื่อความสะดวกสบายสูงสุด

ทำไมต้องเลือก KIN Nursing Home?

  • ครบจบในที่เดียว: เพราะมีแพทย์ ที่เข้ามาตรวจทุกอาทิตย์ และพยาบาล NA ดูแลตลอด 24 ชั่วโมง
  • ทำเลสะดวก: ตั้งอยู่ใกล้ห้างสรรพสินค้า ใกล้ทางด่วน เดินทางสะดวก ใกล้โรงพยาบาลชั้นนำ
  • บริการแบบองค์รวม: ดูแลทั้งสุขภาพกาย ใจ และจิตวิญญาณ
  • ความยืดหยุ่น: มีบริการทั้งแบบพักประจำ และแบบรายวัน (Day Care) และมีการส่งไปดูแลที่บ้านด้วย (Home Care)


ติดต่อเราวันนี้ เพื่อชีวิตที่ดีกว่าของคนที่คุณรัก

สอบถามข้อมูล | นัดชมสถานที่

สาขาลาดพร้าว 71

สาขาสุขุมวิท 107

สาขาพัทยา

สาขาราชพฤกษ์

ข่าวสารบทความ อื่นๆ

KIN Rehab