โรคหลอดเลือดสมองตีบตัน โรคที่ทำให้คนไทยเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก และคนอีกไม่น้อยต้องทนทุกข์ทรมานกับความพิการ อัมพฤกษ์ อัมพาต ทางเดียวที่เราจะปลอดภัยจากโรคนี้ได้ก็คือ การเฝ้าสังเกตอาการ...เพื่อรู้ทันและรีบรักษาได้อย่างทันท่วงที และหนึ่งในอาการแสดงที่เป็นสัญญาณเตือนจากโรคหลอดเลือดสมองตีบตันก็คือ "แขนขาอ่อนแรง" ซึ่งถือว่าเป็นอาการอันตราย และยังอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงอื่นๆ จากการควบคุมร่างกายไม่ได้ด้วย
เกิดจากความผิดปกติของเซลล์ประสาทที่ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อ หรือเซลล์ประสาทนำคำสั่ง จึงส่งผลให้แขนขาอ่อนแรงลง หรืออาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น กลืนลำบาก พูดไม่ชัด พูดไม่ออก
อาการแขนขาอ่อนแรง มักจะเริ่มต้นจากบริเวณมือ แขน ขา หรือเท้าข้างใดข้างหนึ่งก่อน อาจจะเป็นในลักษณะ ยกแขนไม่ขึ้น กำมือไม่ได้ หยิบจับของอะไรแล้วหล่นง่าย จากนั้น หากมีอาการที่หนักหรือรุนแรงขึ้น ก็จะเริ่มลุกลามไปสู่อวัยวะอื่นๆ โดยอาจเป็นไปในลักษณะของการอ่อนแรงครึ่งซีก หรือทั้งตัว ซึ่งหากพบสัญญาณดังกล่าว นั่นเป็นการเตือนว่า มีความผิดปกติของโรคที่อยู่ในระดับอันตรายแล้ว
แขนขาอ่อนแรงนั้น เกิดจากภาวะที่สมองขาดเลือดไปเลี้ยง หรือมีเลือดออกและไปเบียดทับเนื้อสมอง ภาวะสมองขาดเลือด ส่วนใหญ่จะเกิดจากหลอดเลือดสมองตีบ (Ischemic stroke) หรือหลอดเลือดสมองแตก (Hemorrhagic stroke) คือผนังหลอดเลือดแตก ทำให้มีเลือดคั่งในเนื้อสมอง โดยโรคนี้ถือว่าร้ายแรงเป็นอย่างมาก เพราะมีโอกาสทำให้เกิด อัมพฤกษ์ อัมพาต (แขนและขาอ่อนแรงครึ่งซีก) ทำให้มีปัญหาทางด้านความคิด สูญเสียความจำ มีปัญหาทางด้านการพูด ขั้นที่รุนแรงมาก คือ อาจเสียชีวิตได้ สิ่งสำคัญที่เราต้องรู้คือ อาการแขนขาอ่อนแรงจากโรคหลอดเลือดสมองตีบนี้มักจะเกิดขึ้นแบบเฉียบพลันทันทีทันใด ดังนั้นถ้าพบอาการแขนขาอ่อนแรงเหล่านี้ควรรีบพบแพทย์ เพื่อให้การรักษาและวินิจฉัยโดยด่วน
ในการรักษาโรคหลอดเลือดสมองตีบตัน สิ่งที่เป็นปัจจัยสำคัญคือ การทำให้เซลล์ของสมองยังอยู่รอดให้ได้นานที่สุด ถ้าเราสามารถทำให้เลือดไหลเวียนได้ทันเวลา และในระดับที่เพียงพอ ก็สามารถทำให้เนื้อสมองบริเวณนั้นฟื้นตัวได้เร็ว ส่งผลให้ผู้ป่วยกลับมาเป็นปกติได้ ซึ่งการรักษานี้จะต้องทำภายใน 3 ชั่วโมง และวิธีที่ใช้ในการรักษาจะขึ้นอยู่กับอาการเป็นสำคัญ มีแนวทางในการรักษา 3 แนวทาง ดังต่อไปนี้