โรคหลอดเลือดสมอง เกิดจากความผิดปกติของหลอดเลือดสมองที่ทำให้สมองขาดเลือด แบ่งได้เป็น 2 ประเภท ดังนี้
   ▪️ หลอดเลือดสมองตีบหรืออุดตัน (ischemic stroke) พบได้ประมาณ 80%
   ▪️ หลอดเลือดสมองแตก(hemorrhagic stroke) พบได้ประมาณ 20%
 
ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง
ปัจจัยเสี่ยงที่ป้องกันไม่ได้
   ▪️ อายุ เมื่ออายุมากขึ้น หลอดเลือดก็จะเสื่อม หนาและแข็งขึ้นจากการที่มีไขมันและหินปูนมาเกาะ
   ▪️ เพศ พบว่าเพศชายมีความเสี่ยงสูงกว่าเพศหญิง
   ▪️ ภาวะการแข็งตัวของเลือดเร็วกว่าปกติ
 
ปัจจัยเสี่ยงที่ป้องกันได้
   ▪️ ความดันโลหิตสูงเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่สุดของโรคหลอดเลือดสมอง
   ▪️ เบาหวานจะทำให้หลอดเลือดแข็งทั่วร่างกาย หากเกิดที่สมองจะมีโอกาสเป็นโรคหลอดเลือดสมองมากกว่าคนปกติ 2-3 เท่า
   ▪️ ไขมันในเลือดสูง คือภาวะไขมันสะสมอยู่ตามผนังหลอดเลือด ทำให้กีดขวางการลำเลียงเลือด
   ▪️ โรคหัวใจเช่น โรคลิ้นหัวใจผิดปกติหัวใจเต้นผิดจังหวะเป็นสาเหตุของการเกิดลิ่มเลือดอุดตันที่หลอดเลือดสมอง
   ▪️ การสูบบุหรี่ ทำให้หลอดเลือดแข็งตัว เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมองถึง 3.5%
   ▪️ ยาคุมกำเนิด
   ▪️ โรคซิฟิลิส เป็นสาเหตุของหลอดเลือดอักเสบและหลอดเลือดแข็ง
   ▪️ การขาดการออกกำลังกาย
 
อาการของโรค
เมื่อสมองขาดเลือดจะทำให้สมองไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ ซึ่งอาการแสดงต่างๆ จะมากหรือน้อยขึ้นกับระดับความรุนแรงและตำแหน่งของสมองที่ถูกทำลาย เช่น
▪️ ชาหรืออ่อนแรงที่ใบหน้าและ/หรือบริเวณแขนขาครึ่งซีกของร่างกาย
▪️ พูดไม่ชัด ปากเบี้ยว มุมปากตก น้ำลายไหล กลืนลำบาก
▪️ ปวดศีรษะ เวียนศีรษะทันทีทันใด
▪️ ตามัว มองเห็นภาพซ้อนหรือเห็นครึ่งซีก หรือตาบอดข้างเดียวทันทีทันใด
▪️ เดินเซ ทรงตัวลำบาก
 
อาการเหล่านี้มักเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ในรายที่มีภาวะสมองขาดเลือดแบบชั่วคราว (transient ischemic attack: TIA) อาจมีอาการเตือนเหล่านี้เกิดขึ้นชั่วขณะแล้วหายไปเอง หรืออาจเกิดขึ้นได้หลายครั้งก่อนจะมีอาการสมองขาดเลือดแบบถาวร ดังนั้นหากมีอาการผิดปกติเกิดขึ้น ควรรีบพบแพทย์ทันที เนื่องจากอาการของโรคหลอดเลือดสมองจัดเป็นอาการร้ายแรงและอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต หรือหากไม่ถึงชีวิต ก็อาจทำให้กลายเป็นโรคอัมพาต อัมพฤกษ์ ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองและต้องใช้เวลาในการรักษาฟื้นฟูสุขภาพต่อไป
 
การรักษา
ขึ้นกับสาเหตุของโรคหลอดเลือดสมองว่าเป็นหลอดเลือดสมองตีบหรือหลอดเลือดสมองแตก โดยจะมีแนวทางการรักษาที่แตกต่างกัน
 
การรักษาทางกายภาพบำบัด
   ▪️ เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ
   ▪️ เพิ่มความยืดหยุ่น ลดภาวะเกร็ง
   ▪️ ฝึกการประสานสัมพันธ์ของกล้ามเนื้อและข้อต่อ (coordination)
   ▪️ ฝึกการทรงตัว
   ▪️ ฝึกการเดิน
   ▪️ ฝึกการใช้มือ
   ▪️ ป้องกันภาวะแทรกซ้อนต่างๆ เช่น ข้อติด แผลกดทับ การเกร็ง ปอดติดเชื้อ ภาวะความดันต่ำจากการเปลี่ยนท่าทาง กระดูกพรุน เป็นต้น
 
อ้างอิงข้อมูลเกี่ยวกับโรค
bumrungrad.com/th/conditions/stroke

 
สนใจติดต่อใช้บริการ-สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
 KIN (คิน) - Rehabilitation & Homecare
 โทร. 091-8033071 / 02-0201171
 สอบถามขอมูลผ่าน Line : http://bit.ly/2M5f3Id
 สอบถามผ่านทาง Facebook (Inbox) : https://www.facebook.com/KIN.Rehabilitation
 แผนที่ไป KIN (คิน) http://bit.ly/2VvPDq6
  ที่ตั้ง : เลขที่ 6 ซอยนาคนิวาส 18 (ลาดพร้าว 71) แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กทม. 10220
  (เวลาทำการ ทุกวัน 8.00 - 20.00 น.)

ข่าวสารบทความ อื่นๆ

KIN Rehab